อยู่ด้วยความเชื่อ1. ฤทธิ์เดชที่ทรงคุ้มครอง

1. ฤทธิ์เดชที่ทรงคุ้มครอง

ฤทธิ์เดชที่ทรงช่วยเราให้รอดสามารถคุ้มครองเราได้ด้วย เพราะเมื่อเชื่อแล้ว ท่าน “ได้รับการคุ้มครองโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้าทางความเชื่อให้เข้าในความรอด” (1 เปโตร 1:5) แต่ถ้าความเชื่อไม่ได้อาศัยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าท่ามกลางการบีบคั้นของความบาปในชีวิตประจำวันแล้ว ความเชื่อเช่นนั้นจะช่วยเราให้รอดไม่ได้ ทุกครั้งที่หลงทำบาป ก็เป็นเพราะว่าในขณะนั้นความเชื่อของเราไม่ได้ยึดอยู่กับพระเจ้า และเราไม่ได้ไว้วางใจในพระองค์ {LBF 7.1}

เพราะว่า “ทุกคนที่เชื่อว่าพระเยซูคือพระคริสต์ก็บังเกิดจากพระเจ้า” (1 ยอห์น 5:1 TNCV) การบังเกิดจากพระเจ้าด้วยความเชื่อไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจบแล้วมีผลตลอดไป แต่เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดขึ้นตราบใดที่เรายังมีความเชื่ออยู่ และด้วยความเชื่อนี้เองเราได้รับการคุ้มครองโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า “เรารู้ว่าทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่พระองค์ผู้ทรงบังเกิดจากพระเจ้าทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา” (1 ยอห์น 5:18) {LBF 7.2}

การที่เราอยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้าด้วยความเชื่อเป็นสัจธรรมที่ประเสริฐ มารร้ายจึงไม่สามารถแตะต้องเราได้เลย มีที่ลี้ภัยแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่กำบังจากพายุ ขอให้เราเรียนรู้ที่จะอาศัยอยู่ภายใต้ที่กำบังนั้นเถิด เพราะเรารู้ซึ้งถึงประสบการณ์อันขมขื่นนั้นที่เราไม่อาจคุ้มครองป้องกันตัวเองได้เลยแม้เพียงชั่วขณะเดียว {LBF 7.3}

เราสามารถรับการปกป้องคุ้มครองจากความบาปผิดรอบตัวได้ด้วยความเชื่อ แม้แต่ในโลกแห่งความบาปนี้ และด้วยความเชื่อนี้เองเราจะได้รับการปกป้องให้พ้นแม้กระทั่งจากความผิดบาปในเนื้อหนังของเราเองซึ่งพร้อมจะโจมตีเราตลอดเวลา ครั้งที่ชาวฮีบรูสามคนถูกโยนเข้าไปในเตาไฟนั้น ไฟไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของพวกเขาเลย “ผมบนศีรษะของเขาก็ไม่งอ เสื้อก็ไม่เสียหาย ไม่มีกลิ่นไฟที่ตัวพวกเขาเลย” (ดาเนียล 3:27) มีพระผู้หนึ่งอยู่กับพวกเขาในเตาไฟตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้า…เมื่อเจ้าเดินผ่านไฟ เจ้าจะไม่ถูกไหม้” (อิสยาห์ 43:2) {LBF 7.4}

พระองค์ทรงสัญญาว่าจะคุ้มครองเราให้พ้นจากไฟแห่งความบาปที่กำลังเผาผลาญ เราไม่สามารถต้านทานการทดลองของไฟนั้นได้โดยลำพัง เพราะเราจะล้มเหลวทุกครั้งไปและโดนลูกศรเพลิงทิ่มแทงจิตวิญญาณ แต่เราสามารถอธิษฐานตามคำอธิษฐานของดาวิดอย่างต่อเนื่องว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเนรมิตสร้างใจสะอาดในข้าพระองค์ และขอทรงสร้างจิตใจหนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์” (สดุดี 51:10) เมื่อความเชื่อของเราไม่ได้ยึดมั่นอยู่กับพระองค์ และเราถูกซาตานรุกรานราวี ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีพระสัญญาของพระองค์ คือหลังจากที่ทรงเตือนไม่ให้ทำบาปพระองค์ตรัสว่า “ถ้าใครทำบาป เราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น” (1 ยอห์น 2:1) พระองค์ทรงช่วยปลดปล่อยเราจากอุ้งมือของศัตรูให้เป็นอิสระอีกครั้ง แต่อิสระที่พระองค์ทรงมอบให้นั้นก็เพื่อให้เรายึดพระองค์ไว้มั่นด้วยความเชื่อที่หนักแน่นกว่าเดิม ท่ามกลางความขมขื่นแห่งความบาป เราได้รับบทเรียนถึงความอ่อนแอและความไร้ค่าของตัวเอง แต่เราชื่นชมยินดีที่ได้รับการอภัยจึงเรียนรู้ถึงฤทธิ์เดชของพระองค์ที่ทรงช่วยเราให้รอด {LBF 8.1}