16. โยเซฟในอียิปต์

บท (ที่ต้อง) เรียน

ในขณะที่ลูกๆ ของยาโคบพยายามปลอบใจท่านอยู่นั้น โยเซฟซึ่งถูกขายให้พ่อค้าต้องเดินทางไปอียิปต์ ขบวนอูฐมุ่งหน้าไปทิศใต้สู่ชายแดนคานาอัน ชายหนุ่มได้เพ่งมองไปยังเนินเขาไกลๆ ซึ่งเป็นที่อาศัยของบิดา ท่านร่ำไห้ด้วยใจขมขื่นเมื่อระลึกถึงบิดาที่คงต้องอ้างว้างและมีใจเป็นทุกข์ โยเซฟคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โดธาน ท่านคิดถึงพวกพี่ชายที่โกรธเคืองและจ้องดูท่านด้วยสายตาที่เหี้ยมเกรียม เสียงเย้ยหยันอันแสนเจ็บแสบที่พวกพี่ชายสวนตอบคำอ้อนวอนของท่านยังคงก้องกังวานอยู่ โยเซฟมองไปยังอนาคตด้วยใจหวาดหวั่น สถานการณ์ช่างพลิกผันอะไรเช่นนี้ จากลูกชายที่ได้รับการเอาใจใส่ทะนุถนอม กลับกลายสภาพเป็นทาสที่ไร้ซึ่งสิทธิ เป็นที่ดูแคลน ไร้ญาติขาดมิตร ไม่รู้ว่าชะตากรรมของท่านในต่างถิ่นต่างแดนที่กำลังเดินทางไปนั้นจะเป็นอย่างไร โยเซฟปล่อยใจไปกับความเศร้าและความหวาดกลัวชั่วระยะหนึ่ง {PP 213.1}

แต่ด้วยการทรงนำของพระเจ้า ประสบการณ์นี้ก็ยังเป็นพระพรสำหรับโยเซฟ ภายในไม่กี่ชั่วโมงท่านได้รู้ซึ้งถึงบทเรียนซึ่งธรรมดาคงต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเข้าใจ บิดารักและห่วงใยท่านเป็นอย่างมากและเอาอกเอาใจจนส่งผลร้ายแก่โยเซฟ การที่พ่อลำเอียงทำให้พี่ชายแค้นเคืองและเป็นเหตุกระตุ้นให้พวกเขาพรากโยเซฟไปจากบ้านอย่างโหดร้าย มิหนำซ้ำ ที่พ่อเอาใจโยเซฟจนออกนอกหน้านั้นก็ส่งผลเสียต่ออุปนิสัยของท่านอย่างเห็นได้ชัด ท่านกำลังกลายเป็นคนเอาแต่ใจและจู้จี้จุกจิก ถึงคราวจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ โยเซฟเคยชินกับการประคบประหงมจนรู้สึกว่าท่านไม่พร้อมที่จะสู้ทนต่อความขมขื่นซึ่งรอท่านอยู่ในสภาพทาสพลัดถิ่นที่ไม่มีใครเหลียวแล {PP 213.2}

โยเซฟหวนคิดถึงพระเจ้าของบิดา ในวัยเด็กท่านถูกสอนให้รักและยำเกรงพระองค์ บ่อยครั้งขณะอยู่ในเต็นท์ของพ่อ ท่านได้ยินเรื่องนิมิตที่ยาโคบได้รับเมื่อครั้งที่หนีจากบ้านในสภาพผู้ลี้ภัย ท่านได้ยินถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อยาโคบผู้เป็นบิดาและการที่พระสัญญาเหล่านั้นสำเร็จ เมื่อถึงคราวอับจนทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้มาเพื่อแนะนำ ปลอบประโลม และคุ้มครองคนของพระองค์ ท่านได้เรียนรู้เรื่องความรักของพระเจ้าที่ทรงเตรียมพระผู้ไถ่ให้กับมนุษย์ บัดนี้บทเรียนต่างๆ กระจ่างชัดขึ้นในใจของโยเซฟ ท่านเชื่อว่าพระเจ้าของบรรพบุรุษจะเป็นพระเจ้าของท่านด้วย ท่านได้มอบชีวิตทั้งหมดให้พระองค์และอธิษฐานขอให้พระองค์ผู้ทรงคุ้มครองอิสราเอลทรงสถิตอยู่กับท่านในดินแดนแห่งนี้ {PP 213.3}

โยเซฟรู้สึกตื่นเต้นกับความตั้งใจที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าท่านซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า จะดำรงชีวิตให้สมกับที่เป็นประชากรของพระเจ้าองค์พระราชาแห่งสวรรค์ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้นท่านจะรับใช้พระองค์ด้วยใจแน่วแน่ ท่านจะเผชิญอุปสรรคต่างๆ ด้วยใจมั่นคงและทำหน้าที่ทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์ สิ่งที่โยเซฟประสบในวันเดียวกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เหตุร้ายของวันนั้นได้เปลี่ยนท่านจากเด็กที่เอาแต่ใจมาเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักคิด มีความกล้าหาญ และสามารถควบคุมจิตใจตนเองได้ {PP 214.1}

เป็นที่ไว้ใจ

เมื่อไปถึงอียิปต์ โยเซฟถูกขายให้กับโปทิฟาร์ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ และได้ทำงานรับใช้เป็นเวลา 10 ปี ที่นั่นท่านต้องประสบกับการทดลองที่ไม่ธรรมดา ต้องอยู่ท่ามกลางการไหว้รูปเคารพ การกราบไหว้บูชาพระเทียมเท็จเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีที่โอ่อ่าน่าเลื่อมใส ได้รับการอุดหนุนด้วยทรัพย์สินและเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในยุคนั้น แต่ถึงอย่างไรโยเซฟยังคงรักษาการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเอาไว้ ความชั่วร้ายห้อมล้อมตัวท่าน แต่ท่านทำเหมือนคนหูหนวกตาบอดโดยไม่ยอมปล่อยใจให้คิดถึงสิ่งต้องห้าม ความปรารถนาให้เป็นที่ยอมรับของชาวอียิปต์นั้นไม่ได้เป็นเหตุให้ท่านปิดบังหลักการที่ตนยึดถือ ถ้าท่านพยายามปกปิดก็คงต้องแพ้การทดลองอย่างแน่นอน แต่โยเซฟไม่อายที่จะนับถือศาสนาของบรรพบุรุษ ท่านจึงนมัสการพระเยโฮวาห์อย่างเปิดเผย {PP 214.2}

พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ ส่วนนายก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้น เพราะ “พระเจ้าทรงโปรดให้การงานทุกอย่างที่กระทำเจริญขึ้นมากในมือของโยเซฟ” โปทิฟาร์มั่นใจในตัวโยเซฟมากขึ้นทุกวันจนกระทั่งได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลงานและทรัพย์สมบัติทั้งหมดในบ้าน “นายมอบของทุกอย่างของเขาไว้ในความดูแลของโยเซฟ เมื่อมีโยเซฟแล้วเขาก็มิได้เอาใจใส่สิ่งใดเลย เว้นแต่อาหารที่ท่านรับประทาน” {PP 214.3}

ความเจริญรุ่งเรืองที่เกิดจากงานทุกอย่างที่โยเซฟดูแลนั้นไม่ได้เป็นผลของการอัศจรรย์โดยตรง แต่เป็นเพราะพระเจ้าทรงอวยพระพรความขยัน การเอาใจใส่ และแรงกำลังที่ท่านได้ทุ่มเทลงไป โยเซฟบอกว่าที่สำเร็จได้เพราะพระเจ้าทรงโปรดปรานท่าน ถึงแม้นายของท่านจะกราบไหว้รูปเคารพก็ยังยอมรับว่านี่คงเป็นเคล็ดลับของความสำเร็จที่ไม่มีที่เปรียบ แต่ถ้าท่านไม่มีความเพียรพยายามในวิธีการที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องแล้วก็คงไม่มีทางสำเร็จได้เลย พระเจ้าได้รับเกียรติในความซื่อสัตย์ของผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์มีพระประสงค์ให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์บริสุทธิ์และเที่ยงธรรมแตกต่างไปจากผู้ที่กราบไหว้รูปเคารพ เพื่อแสงพระคุณจากสวรรค์จะได้ส่องสว่างท่ามกลางความมืดที่อยู่ในใจของคนที่ไม่นับถือพระเจ้า {PP 214.4}

ความสุภาพอ่อนน้อมและความซื่อสัตย์ของโยเซฟชนะใจผู้บัญชาการทหารท่านนี้จนเขานับโยเซฟเป็นบุตรมากกว่าเป็นทาส ชายหนุ่มคนนี้ได้สัมผัสกับคนที่มียศศักดิ์และมีความรู้สูง ท่านได้เรียนรู้ศาสตร์และภาษาต่างๆ ทั้งงานราชการซึ่งเป็นวิชาความรู้ที่ท่านจะต้องนำไปใช้ในอนาคตเมื่อขึ้นมาเป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินอียิปต์ {PP 217.1}

ทำคุณบูชาโทษ

แต่ความเชื่อและความซื่อสัตย์ของโยเซฟกำลังจะถูกทดลองด้วยเพลิงโลกีย์ ภรรยาของนายพยายามยั่วยวนให้หนุ่มคนนี้ฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้า ก่อนหน้านี้ท่านรักษาความบริสุทธิ์ไว้ท่ามกลางความชั่วร้ายแห่งดินแดนที่ไม่นับถือพระเจ้า แต่การทดลองครั้งนี้หนักหน่วง กะทันหันและมีเสน่ห์ยวนใจ โยเซฟควรทำอย่างไร ท่านรู้ดีว่าผลของการปฏิเสธนายหญิงจะเป็นเช่นไร ทางหนึ่งคือปิดบังเรื่องไว้แล้วยังได้ผลประโยชน์และรางวัล อีกทางหนึ่งคือการต้องอับอายขายหน้า ติดคุกและอาจถึงขั้นเสียชีวิต อนาคตทั้งหมดของโยเซฟขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในวินาทีนั้น ความซื่อสัตย์ต่อหลักการจะมีชัยหรือเปล่า โยเซฟจะยังคงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าหรือไม่ ทูตสวรรค์ได้เฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยใจเป็นทุกข์เกินคำบรรยาย {PP 217.2}

คำตอบของโยเซฟแสดงถึงพลังอำนาจของหลักคุณธรรม ท่านจะไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของนาย และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นท่านจะยังคงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้เป็นเจ้านายที่แท้จริง หลายคนกล้าทำผิดต่อพระพักตร์พระเจ้าและเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ที่กำลังเฝ้ามองอยู่ทั้งที่เขาคงไม่กล้าทำสิ่งนั้นต่อหน้าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่โยเซฟคิดถึงพระเจ้าเป็นสิ่งแรก ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าจะทำความผิดใหญ่หลวงนี้อันเป็นบาปต่อพระเจ้าอย่างไรได้” {PP 217.3}

ถ้าเราฝึกนิสัยเฝ้าคำนึงถึงพระเจ้าผู้ทอดพระเนตรและสดับฟังทุกสิ่งที่เราทำและพูด ถ้าเราจดจำไว้ว่าพระองค์ทรงบันทึกคำพูดและการกระทำทุกอย่างของเราไว้อย่างถี่ถ้วน และถ้าเราตระหนักว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นในวันพิพากษา เราก็จะเกรงกลัวและไม่กล้าทำบาป จงให้หนุ่มสาวระลึกอยู่เสมอว่าไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร เขากำลังอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสังเกตการกระทำทุกอย่างของเรา เราไม่สามารถซ่อนเร้นทางของเราไว้จากองค์ผู้สูงสุด กฎหมายของมนุษย์ถึงจะกำหนดโทษที่รุนแรงแต่ก็มีคนแอบฝ่าฝืนโดยไม่มีคนสังเกตและก็ไม่ต้องรับโทษ แต่พระบัญญัติของพระเจ้าหาเป็นเช่นนั้นไม่ ความมืดสนิทของเที่ยงคืนก็ไม่อาจปิดบังคนผิดได้ เขาอาจจะคิดว่ากำลังอยู่คนเดียว แต่ยังมีพยานที่มองไม่เห็นทรงเฝ้าสังเกตการกระทำของเขาทุกอย่าง แม้แต่แรงบันดาลใจก็เป็นที่เปิดเผยให้พระเจ้าทรงตรวจสอบ การกระทำทุกอย่าง คำพูดทุกคำ และความคิดทุกอย่างได้รับการบันทึกไว้อย่างละเอียดเสมือนหนึ่งว่าในโลกมีมนุษย์อยู่เพียงคนเดียวและสวรรค์กำลังจดจ้องมาที่คนนั้น {PP 217.4}

โยเซฟต้องพบกับความเดือดร้อนเพราะเหตุที่ท่านซื่อสัตย์ เมื่อคนที่ยั่วยวนกลับจองเวรท่าน กล่าวหาว่าทำผิดอย่างร้ายแรง โยเซฟจึงต้องถูกจำคุก ถ้าโปทิฟาร์เชื่อคำกล่าวหาของภรรยา ชายหนุ่มฮีบรูคนนี้คงต้องตาย แต่พฤติกรรมของโยเซฟที่ปฏิบัติอย่างสุขุมและเที่ยงตรงเสมอต้นเสมอปลายนั้น พิสูจน์ว่าท่านไม่ผิด ถึงกระนั้นโยเซฟก็ยังต้องถูกคุมขังและได้รับความอับอายเพื่อรักษาหน้าครอบครัวของเจ้านายเอาไว้ {PP 218.1}

คนดีในคุก

ช่วงแรกๆ พัสดีปฏิบัติต่อโยเซฟอย่างทารุณ ผู้ประพันธ์สดุดีเขียนไว้ว่า “เท้าของเขาเจ็บช้ำด้วยตรวน คอของเขาเข้าอยู่ในปลอกเหล็กจนกว่าสิ่งที่เขาบอกได้บังเกิดขึ้นจริง พระวจนะของพระเจ้าทดสอบเขา” (สดุดี 105:18–19 TH1971) อุปนิสัยอันแท้จริงของโยเซฟส่องประกายแม้แต่ในคุกใต้ดินที่มืดมิด ท่านยึดมั่นในความเชื่อและความอดทน ถึงแม้ว่าการรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์เป็นเวลาหลายปีจะถูกตอบแทนอย่างโหดร้ายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใจโยเซฟหม่นหมองหรือระแวงสงสัยแต่อย่างใด ท่านมีสันติสุขที่เกิดจากความบริสุทธิ์ใจ โยเซฟฝากเรื่องของท่านไว้กับพระเจ้าด้วยความไว้วางใจ ท่านไม่ได้ครุ่นคิดถึงการที่ถูกเอารัดเอาเปรียบแต่ได้ลืมความทุกข์นั้นเสียด้วยการพยายามบรรเทาความทุกข์ของคนอื่น แม้จะอยู่ในคุกท่านก็ยังขยันขันแข็ง พระเจ้าทรงใช้ความยากลำบากเสมือนเป็นครูฝึกให้แก่ท่าน เพื่อเตรียมท่านไว้สำหรับภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กว่า และโยเซฟไม่ได้ปฏิเสธการฝึกฝนที่จำเป็นนั้น เมื่ออยู่ในคุกท่านได้เห็นผลของการถูกเอารัดเอาเปรียบ การใช้อำนาจบาตรใหญ่ และอาชญากรรม ท่านจึงเรียนรู้เรื่องความยุติธรรม ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความเมตตา สิ่งเหล่านี้ได้เตรียมท่านให้รู้จักใช้อำนาจด้วยสติปัญญาและความเห็นอกเห็นใจ {PP 218.2}

พัสดีเริ่มไว้วางใจโยเซฟมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มอบหมายให้ท่านดูแลนักโทษทั้งหมด การปฏิบัติตัวในเรือนจำนี้อย่างซื่อสัตย์ในชีวิตประจำวันและความเมตตาสงสารที่ท่านมีต่อคนที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นใบเบิกทางให้ท่านเจริญและรับเกียรติในอนาคต ความสว่างที่เราส่องออกไปทุกครั้งจะสะท้อนกลับมาหาเราเสมอ คำพูดทุกคำที่ปลอบใจผู้เศร้าโศกด้วยความเมตตา ทุกครั้งที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ของผู้ที่ถูกกดขี่ และทุกสิ่งที่บริจาคให้แก่คนขัดสน ทั้งหมดนี้ถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์จะนำพระพรมาสู่ผู้ให้ {PP 218.3}

พนักงานน้ำองุ่นและพนักงานขนมของกษัตริย์ฟาโรห์ต้องถูกจำคุกเพราะการกระทำผิดบางอย่าง จึงตกมาอยู่ในการดูแลของโยเซฟ เช้าวันหนึ่งโยเซฟสังเกตว่าทั้งสองคนดูเศร้าสร้อย จึงถามไถ่ถึงต้นสายปลายเหตุก็พบว่า เขาทั้งสองต่างได้ฝันประหลาด จึงเป็นทุกข์กังวลใจว่าความฝันเหล่านั้นมีความสำคัญอย่างไร โยเซฟกล่าวว่า “พระเจ้าเท่านั้นแก้ฝันได้มิใช่หรือ ขอท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังเถิด” ทั้งสองต่างเล่าความฝันให้โยเซฟฟัง จากนั้นโยเซฟจึงอธิบายความหมายดังนี้ ในอีก 3 วันพนักงานน้ำองุ่นจะรับตำแหน่งเดิมและจะถวายจอกให้แก่ฟาโรห์ดังแต่ก่อน ส่วนพนักงานขนมจะถูกฟาโรห์สั่งประหารชีวิต แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นดังที่กล่าวไว้ทุกประการ {PP 219.1}

พนักงานน้ำองุ่นของกษัตริย์ฟาโรห์ทำทีเหมือนเป็นหนี้บุญคุณโยเซฟ เพราะการแก้ฝันนั้นน่ายินดี และที่โยเซฟเคยช่วยเหลือเขาอย่างมากมาย โยเซฟจึงขอร้องอย่างสุภาพที่สุดเพื่อให้พนักงานน้ำองุ่นนำเรื่องที่ท่านถูกจำคุกอย่างไม่เป็นธรรมไปกราบทูลพระราชา กล่าวว่า “เมื่อท่านมีความสุขแล้วขอให้ระลึกถึงข้าพเจ้าและแสดงความเมตตาปรานีแก่ข้าพเจ้า ช่วยทูลฟาโรห์ให้ข้าพเจ้าได้ออกจากบ้านนี้ เพราะอันที่จริงเขาลักข้าพเจ้ามาจากแคว้นฮีบรู และที่นี่ก็เหมือนกัน ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไรที่ควรต้องติดคุกใต้ดินนี้” หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นได้เห็นความฝันนั้นเป็นจริงทุกประการ แต่เมื่อเขากลับไปเป็นที่โปรดปรานของฟาโรห์แล้วกลับลืมนึกถึงโยเซฟที่เคยช่วยเขา โยเซฟยังคงต้องอยู่ในคุกต่ออีก 2 ปี ความหวังที่จุดประกายอยู่ในใจก็ค่อยๆ มอดไป และนอกจากความทุกข์อื่นๆ ที่ท่านต้องทนอยู่แล้ว ท่านยังต้องทนต่อความเจ็บปวดขมขื่นที่มีคนลืมบุญคุณ {PP 219.2}

พระสุบิน

ถึงอย่างไรก็ตามพระหัตถ์ของพระเจ้ากำลังจะเปิดประตูคุกเมื่อกษัตริย์แห่งอียิปต์ฝัน 2 เรื่องในคืนเดียว ความฝันทั้งสองดูเหมือนจะเป็นลางบอกถึงเหตุการณ์ร้ายแรงอันเดียวกัน ฟาโรห์ไม่อาจเข้าใจความหมายของความฝันนั้น มิหนำซ้ำยังรบกวนใจท่านอยู่ตลอดเวลา บรรดาโหรและนักปราชญ์แห่งอียิปต์ไม่สามารถแก้ความฝันนั้นได้ กษัตริย์ฟาโรห์จึงยิ่งเป็นทุกข์กังวล ความหวาดกลัวได้แผ่ขยายไปทั่วราชสำนัก และความปั่นป่วนนั้นทำให้หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นระลึกถึงเหตุการณ์ความฝันของตนเอง พลันคิดถึงโยเซฟและนึกเสียใจขึ้นมาที่ลืมบุญคุณท่าน จึงทูลให้กษัตริย์ฟาโรห์ทราบถึงเหตุการณ์ที่มีนักโทษชาวฮีบรูคนหนึ่งได้แก้ความฝันให้ตนกับหัวหน้าพนักงานขนม และทุกอย่างก็เป็นจริงตามคำแก้ฝันนั้น {PP 219.3}

ฟาโรห์รู้สึกอายที่ต้องหันจากโหรและนักปราชญ์แห่งอียิปต์ไปปรึกษากับทาสซึ่งเป็นคนต่างด้าว แต่ท่านพร้อมที่จะรับความช่วยเหลือจากผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดหากสามารถบรรเทาความทุกข์ในใจได้ กษัตริย์ฟาโรห์จึงรับสั่งให้โยเซฟเข้าเฝ้าในทันที โยเซฟจึงถูกนำตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โกนหนวดตัดผม เพราะผมและหนวดเครายาวรุงรังในช่วงเวลาที่ถูกจำจองอยู่ในคุก เมื่อพร้อมแล้วจึงมีคนพาโยเซฟมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ฟาโรห์ {PP 220.1}

“ฟาโรห์ตรัสแก่โยเซฟว่า ‘เราฝันไป หามีผู้ใดแก้ฝันได้ไม่ เราได้ยินว่าเมื่อเจ้าได้ฟังความฝัน เจ้าก็แก้ฝันได้’ โยเซฟจึงทูลตอบฟาโรห์ว่า ‘การแก้ฝันมิได้อยู่ที่ข้าพระบาท พระเจ้าต่างหากจะประทานคำตอบอันควรแก่ฟาโรห์’” คำตอบของโยเซฟแสดงถึงจิตใจที่ถ่อมและความเชื่อที่ท่านมีในพระเจ้า ท่านพูดด้วยใจถ่อมว่าตนไม่ได้มีสติปัญญาพิเศษเหนือคนทั่วไป “การแก้ฝันมิได้อยู่ที่ข้าพระบาท” พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถอธิบายปริศนาลึกลับเหล่านี้ได้ {PP 220.2}

แล้วฟาโรห์จึงเริ่มเล่าความฝันว่า “ในความฝันของเรานั้น เรายืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำไนล์ โค 7 ตัวอ้วนพีงามน่าดูขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ กินใบอ้ออยู่ แล้วโคอีก 7 ตัวตามขึ้นมา ไม่งาม น่าเกลียดมากและซูบผอม เราไม่เคยเห็นมีโคเลวอย่างนี้ทั่วแผ่นดินอียิปต์เลย โคที่ซูบผอมไม่งามนั้นกินโคอ้วนพี 7 ตัวแรกนั้นเสียหมด เมื่อกินหมดแล้วหามีใครรู้ว่ามันกินเข้าไปไม่ เพราะยังผอมอยู่เหมือนแต่ก่อน แล้วเราก็ตื่นขึ้น ในความฝันของเรา เรายังเห็นต้นข้าวต้นหนึ่งมีรวง 7 รวงงอกขึ้นมา เป็นข้าวเมล็ดเต่งและงามดี กับเห็นข้าวอีก 7 รวงงอกขึ้นมาภายหลังเป็นข้าวเหี่ยวลีบและเกรียมเพราะลมตะวันออก รวงข้าวลีบนั้นกลืนกินรวงข้าวดี 7 รวงนั้นเสีย เราเล่าความฝันนี้ให้โหรฟังแต่ไม่มีใครอธิบายได้” {PP 220.3}

แก้ฝัน

“โยเซฟจึงทูลฟาโรห์ว่า ‘พระสุบินของฟาโรห์มีความหมายอันเดียวกัน พระเจ้าทรงสำแดงให้ฟาโรห์ทราบสิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำ’” ต่อไปนี้จะมี 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เรือกสวนไร่นาจะให้ผลผลิตมากกว่าที่เคย หลังจากนั้นจะมี 7 ปีแห่งการขาดแคลน “เพราะการกันดารอาหารที่เกิดขึ้นตามมานี้ ประชาชนจึงจำความอุดมสมบูรณ์ในแผ่นดินไม่ได้ ด้วยว่าการกันดารอาหารนั้นรุนแรงนัก” ที่ฟาโรห์ฝัน 2 เรื่องซ้ำกันเป็นหลักฐานยืนยันให้รู้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นแน่นอนและใกล้เข้ามาแล้ว โยเซฟทูลต่อไปว่า “เพราะฉะนั้นขอฟาโรห์เลือกคนที่มีความคิดดี มีปัญญา ตั้งให้ดูแลประเทศอียิปต์ ขอฟาโรห์ทำดังนี้คือจัดพนักงานไว้ทั่วแผ่นดิน และเก็บผลหนึ่งในห้าส่วนแห่งประเทศอียิปต์ไว้ตลอด 7 ปีที่อุดมสมบูรณ์นั้น ให้คนเหล่านั้นเก็บอาหารในปีที่อุดมเหล่านั้นซึ่งจะมาถึงนั้นไว้ และสะสมข้าวด้วยอำนาจของฟาโรห์ไว้เป็นอาหารในหัวเมืองและให้เขาตุนไว้ อาหารนี้จะได้เป็นเสบียงสำรองในแผ่นดินระหว่าง 7 ปีที่กันดารอาหารซึ่งจะเกิดขึ้นในประเทศอียิปต์ ดังนี้แผ่นดินจะไม่พินาศเสียไปเพราะกันดารอาหาร” {PP 220.4}

คำแก้ฝันนั้นมีเหตุมีผลสอดคล้องกันและแผนการที่เสนอก็เปี่ยมด้วยสติปัญญาจนไม่มีใครอาจสงสัยได้ แต่ใครเล่าจะเป็นผู้ดำเนินการให้แผนนั้นสำเร็จ ความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้ กษัตริย์ฟาโรห์เป็นทุกข์และพิจารณาอยู่พักหนึ่งว่าควรจะให้ใครดำรงตำแหน่งนี้ หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นได้เล่าให้ฟาโรห์ฟังถึงสติปัญญาและความรอบคอบของโยเซฟในการช่วยบริหารเรือนจำ ทำให้เห็นว่าโยเซฟเป็นนักบริหารขนานแท้ หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นตำหนิตัวเองอยู่ในใจที่ลืมบุญคุณของโยเซฟ จึงพยายามแก้ตัวโดยยกย่องชมเชยท่าน เมื่อฟาโรห์สำรวจแล้วก็พบว่าเป็นความจริง ทั่วทั้งอาณาจักรอียิปต์มีแต่โยเซฟเท่านั้นที่ได้รับสติปัญญาสามารถช่วยชี้ภยันตรายที่กำลังคุกคามประเทศชาติ อีกทั้งแนะนำวิธีเตรียมตัวสำหรับภัยนั้น กษัตริย์ฟาโรห์จึงเชื่อมั่นว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติเพียบพร้อมเหมือนโยเซฟที่จะดำเนินตามแผนการนั้นได้ อำนาจของพระเจ้าอยู่กับโยเซฟอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือข้าราชบริพารคนใดมีคุณสมบัติดีพอที่จะนำประเทศชาติฟันฝ่าวิกฤตนี้ได้เท่าโยเซฟ ส่วนการที่ท่านเป็นชาวฮีบรูและเป็นทาสนั้นถือเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับสติปัญญาและวิจารณญาณที่เห็นกันอย่างชัดเจน ฟาโรห์จึงกล่าวกับคณะที่ปรึกษาว่า “เราจะหาคนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่ในตัวเหมือนคนนี้ได้หรือ” {PP 221.1}

พ้นจากเรือนจำ

กษัตริย์ฟาโรห์ตัดสินใจแต่งตั้งโยเซฟให้ดำรงตำแหน่ง ฝ่ายโยเซฟรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำประกาศว่า “เพราะพระเจ้าได้ทรงสำแดงเรื่องนี้ทั้งสิ้นแก่ท่าน จะหาผู้ใดที่มีความคิดดีและมีปัญญาเหมือนท่านก็ไม่ได้ เราจะตั้งท่านไว้ให้ดูแลราชสำนัก และให้ประชาชนทั้งหลายของเราปฏิบัติตามคำของท่าน เว้นแต่ฝ่ายพระที่นั่งเท่านั้นเราจะเป็นใหญ่กว่าท่าน” แล้วฟาโรห์มอบเครื่องหมายประดับยศ “ทรงถอดธำมรงค์ตราออกจากพระหัตถ์สวมให้โยเซฟ กับให้สวมเสื้อผ้าป่านเนื้อละเอียด และสวมสร้อยคอทองคำให้ที่คอ ให้โยเซฟใช้รถหลวงคันที่สอง มีคนร้องประกาศข้างหน้าว่า ‘คุกเข่าลงเถิด’” {PP 221.2}

“พระราชาทรงตั้งเขาให้เป็นเจ้านายเหนือวังของพระองค์ เป็นผู้ปกครองกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ให้สอนเจ้านายของพระองค์ตามชอบใจ และสอนสติปัญญาแก่ผู้อาวุโสของพระองค์” (สดุดี 105:21–22 TH1971) โยเซฟถูกยกขึ้นจากคุกมืดมาสู่การเป็นผู้ปกครองแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด เป็นตำแหน่งที่สูงส่ง แต่ก็เป็นหน้าที่อันยากลำบากและเต็มไปด้วยภยันตรายเพราะคนที่ยืนบนที่สูงก็ย่อมเสี่ยงภัย พายุกล้าที่โหมกระหน่ำไม่ได้ทำร้ายดอกไม้ในหุบเขา แต่กลับโค่นต้นไม้ที่สูงสง่าบนยอดเขา เช่นเดียวกับผู้คนที่รักษาตัวเองให้มั่นคงซื่อสัตย์ หากเขาต้องเผชิญการทดลองเหมือนที่ประดังเข้าใส่คนที่ได้รับเกียรติและความเจริญฝ่ายโลก เขาอาจพ่ายแพ้ก็เป็นได้ แต่อุปนิสัยของโยเซฟยังมั่นคงดีงามทั้งในยามเคราะห์ร้ายและในยามรุ่งเรือง ท่านซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเมื่อยืนอยู่ในพระราชวังฟาโรห์เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องขัง ท่านยังคงเป็นคนต่างด้าวท่ามกลางคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า และถูกแยกออกจากญาติพี่น้องที่นมัสการพระองค์ แต่ท่านเชื่อมั่นว่าพระหัตถ์ของพระเจ้านำทุกย่างเท้า โยเซฟไว้วางใจในพระเจ้าเสมอจึงปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบอย่างซื่อสัตย์ กษัตริย์ฟาโรห์และบุคคลสำคัญของอียิปต์ได้รู้เรื่องพระเจ้าเที่ยงแท้ผ่านโยเซฟโดยตรง และถึงแม้คนเหล่านี้ยังคงยึดถือลัทธิกราบไหว้รูปเคารพอยู่ แต่ก็เคารพหลักการที่ปรากฏในชีวิตและอุปนิสัยของโยเซฟผู้นมัสการพระเยโฮวาห์คนนี้ {PP 222.1}

ที่โยเซฟมีสติปัญญา ความเที่ยงตรงและอุปนิสัยที่มั่นคงได้ดังที่กล่าวไว้นั้น ก็เป็นเพราะว่าเมื่อยังเยาว์วัยท่านได้เลือกทำทุกอย่างตามหน้าที่แทนที่จะให้ความรู้สึกเป็นใหญ่ แล้วความซื่อสัตย์ ความไว้วางใจอย่างไม่เคลือบแคลง และชีวิตที่สง่างามของวัยหนุ่มเกิดผลในการกระทำเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ ชีวิตที่บริสุทธิ์และเรียบง่ายส่งเสริมให้ร่างกายและสติปัญญาพัฒนาเติบโตอย่างแข็งแรง การสนทนากับพระเจ้าผ่านทางธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง ทั้งการตรึกตรองถึงความจริงยิ่งใหญ่ที่ทรงมอบให้แก่บรรดาทายาทแห่งความเชื่อ ได้ยกระดับจิตวิญญาณให้สูงส่งและทำให้ฉลาดหลักแหลม มีความคิดกว้างไกลที่การเรียนรู้อื่นใดไม่อาจเทียบได้ การที่โยเซฟซื่อสัตย์ในหน้าที่ทุกอย่างไม่ว่าในเรื่องที่ต่ำต้อยหรือเรื่องที่มีเกียรตินั้นได้ฝึกฝนทุกส่วนของชีวิตให้พร้อมที่จะรับใช้ในตำแหน่งสูงสุด คนที่ดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าจะได้พัฒนาอุปนิสัยให้สง่างามอย่างแท้จริง “ความยำเกรงพระเจ้านั่นแหละคือพระปัญญา และที่จะหันจากความชั่วคือความเข้าใจ” (โยบ 28:28 TH1971) {PP 222.2}

อุปนิสัยเป็นเรื่องต้องฝึก

มีน้อยคนที่ตระหนักถึงอิทธิพลของสิ่งเล็กน้อยในชีวิตต่อการพัฒนาอุปนิสัย ทุกสิ่งที่เราต้องเกี่ยวข้องไม่มีสักสิ่งเดียวที่ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เหตุการณ์ต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันเกิดขึ้นเพื่อทดสอบความซื่อสัตย์และเพื่อเตรียมเราให้พร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ใหญ่ขึ้น โดยการยึดหลักคุณธรรมในชีวิตประจำวัน เราจึงจะมีนิสัยให้หน้าที่สำคัญกว่าความเพลิดเพลินและความต้องการของใจ คนที่ได้ฝึกฝนเช่นนี้จะไม่ลังเลระหว่างความถูกความผิดอย่างไม้อ้อที่สั่นไหวเมื่อต้องลม หากแต่จะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่เพราะได้บ่มนิสัยให้เที่ยงตรงและรักความจริง โดยความซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อยที่สุดเขาได้รับแรงผลักดันให้ซื่อสัตย์ในสิ่งที่ใหญ่กว่า {PP 222.3}

อุปนิสัยที่เที่ยงตรงมีค่ายิ่งกว่าทองคำแห่งโอฟีร์ ถ้าปราศจากสิ่งนี้แล้วก็ไม่มีใครสามารถรับเกียรติที่สูงสง่าได้ แต่อุปนิสัยไม่สามารถถ่ายทอดเป็นมรดกและไม่อาจซื้อหาได้ จิตใจที่มีศีลธรรมอย่างดีเลิศและสติปัญญาอันดีเยี่ยมไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ พรสวรรค์ที่เลิศเลอจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าไม่ได้พัฒนา การพัฒนาอุปนิสัยให้สง่างามนั้นเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องทำตลอดชีวิต เป็นผลของความเพียรวิริยะอุตสาหะ พระเจ้าเป็นผู้ประทานโอกาสให้ ส่วนความสำเร็จขึ้นอยู่กับการใช้โอกาสนั้นๆ {PP 223.1}