16. ยาโคบกับเอซาว

แฝดที่กลับกัน

ยาโคบกับเอซาวลูกแฝดของอิสอัคแตกต่างกันมากทั้งในอุปนิสัยและในการดำเนินชีวิต ก่อนที่ทั้งสองจะเกิดมาทูตสวรรค์ได้บอกล่วงหน้าถึงความแตกต่างนี้ ครั้งที่นางเรเบคาห์อธิษฐานด้วยความทุกข์ ทูตสวรรค์ได้บอกว่าพระเจ้าจะประทานลูกแฝดให้แก่เธอ นอกจากนี้ยังได้เปิดเผยให้เห็นถึงอนาคตว่าบุตรทั้งสองของเธอจะเป็นผู้นำชนชาติใหญ่ แต่ผู้เป็นน้องจะยิ่งใหญ่และมีบทบาทมากกว่า {PP 177.1}

เอซาวเติบโตมาพร้อมกับการชอบสนองความอยากของตัวเองและใส่ใจอยู่แต่ปัจจุบัน เขารู้สึกอึดอัดเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ เขาเลือกอาชีพนายพรานตั้งแต่ยังหนุ่มเพราะชอบชีวิตอิสระของนักล่าสัตว์ อิสอัคใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามประสาผู้เลี้ยงแกะ แต่ชอบความใจกล้าบ้าบิ่นของลูกชายคนโตที่เที่ยวไปตามเทือกเขาทะเลทรายแล้วกลับบ้านพร้อมด้วยเนื้อสัตว์ป่าให้พ่อและเล่าถึงชีวิตโลดโผนอย่างระทึกใจ จึงมองเอซาวเป็นลูกคนโปรด ส่วนยาโคบนั้นเป็นคนช่างคิดช่างทำ ขยันใส่ใจรายละเอียดของงาน คิดถึงอนาคตมากกว่าปัจจุบัน เขาพอใจที่จะอยู่บ้านใช้เวลาดูแลฝูงแพะแกะและทำไร่ไถนามากกว่า ยาโคบมีนิสัยอดทนพากเพียร รู้จักประหยัดและคิดก่อนทำ จึงเป็นที่ชอบใจของผู้เป็นแม่ เขาเป็นคนที่ลุ่มลึกและมีความมั่นคง เป็นคนนอบน้อมและเอาใจใส่สม่ำเสมอ ทำให้ผู้เป็นแม่มีความสุขมากกว่าที่เห็นเอซาวทำตัวเอะอะมะเทิ่งและเอาอกเอาใจเธอเพียงนานทีปีหน สำหรับเรเบคาห์แล้วยาโคบคือลูกคนโปรด {PP 177.2}

สิทธิบุตรหัวปี

อิสอัคกับเรเบคาห์ยึดมั่นและมุ่งหวังในพระสัญญาที่ทรงให้ไว้แก่อับราฮัมและทรงรับรองแก่อิสอัค เอซาวกับยาโคบต่างคุ้นเคยกับพระสัญญานี้ดี เขาทั้งสองถูกสอนว่าสิทธิบุตรหัวปีนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะได้รับมรดกแล้วก็จะได้เป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณในตระกูลด้วย คนที่ได้รับสิทธิบุตรหัวปีจะเป็นปุโรหิตของครอบครัวและพระผู้ไถ่มวลมนุษย์จะบังเกิดในเชื้อสายของเขา ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับสิทธิดังกล่าวก็มีภาระหน้าที่ด้วยคือเขาจะต้องถวายชีวิตรับใช้พระเจ้าและเชื่อฟังปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์เหมือนดังอับราฮัม เขาจะต้องแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าทั้งในชีวิตสมรส ในครอบครัว และการเข้าสังคม {PP 177.3}

อิสอัคได้อธิบายสิทธิพิเศษและข้อกำหนดของสิทธิบุตรหัวปีให้ลูกทั้งสองฟัง ทั้งได้กล่าวอย่างแจ่มชัดว่าเอซาวในฐานะลูกชายคนโตจะเป็นผู้รับสิทธินั้นโดยชอบ แต่เอซาวไม่ชอบการไตร่ตรองในเรื่องศาสนา เขาถึงกับเกลียดและไม่อยากตอบรับหน้าที่ทางจิตวิญญาณที่มากับสิทธิบุตรหัวปีและถือว่าพระบัญญัติของพระเจ้าอันเป็นเงื่อนไขแห่งพันธสัญญาระหว่างพระองค์กับอับราฮัมนั้นเป็นเสมือนแอกที่ผูกมัดตนไว้เยี่ยงทาส เอซาวหมกมุ่นอยู่กับการเอาแต่ใจตัวเอง เขาจึงปรารถนาอิสรภาพที่จะทำตามใจชอบมากกว่าสิ่งอื่น เขาถือว่าความสุขคือการมีเงินและอำนาจกับการเลี้ยงฉลองเฮฮา เขาพึงพอใจกับเสรีภาพแบบไร้ขอบเขตตามแบบชีวิตนักเลงเร่ร่อน นางเรเบคาห์จำคำพูดของทูตสวรรค์ได้ และสังเกตอุปนิสัยของลูกชายทั้งสองมากกว่าสามีที่ไม่ค่อยใส่ใจ นางมั่นใจว่ายาโคบควรได้รับมรดกสิทธิแห่งพระสัญญา จึงทบทวนคำพูดของทูตสวรรค์ให้อิสอัคฟัง แต่ผู้เป็นพ่อรักลูกชายคนโตจึงแน่วแน่อยู่กับความตั้งใจเดิมไม่เปลี่ยนแปลง {PP 178.1}

ความใฝ่ฝันของยาโคบ

ยาโคบรู้มาจากแม่ว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยเป็นนัยว่าเขาจะเป็นผู้รับสิทธิบุตรหัวปี ซึ่งเขาเองก็ปรารถนาสิ่งนี้มากอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อยากได้ทรัพย์สินของพ่อแต่ต้องการสิทธิฝ่ายจิตวิญญาณ เขาเฝ้าฝันที่จะสนทนากับพระเจ้าอย่างอับราฮัมผู้ชอบธรรมและถวายบูชาเพื่อนำครอบครัวคืนดีกับพระเจ้า เขาปรารถนาที่จะเป็นบรรพบุรุษแห่งชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรรและพระเมสสิยาห์ที่ทรงสัญญาไว้นั้น ทั้งอยากได้รับชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก จึงคิดถึงอนาคตอยู่ตลอดเวลา อยากคว้าเอาพระพรที่ยังมองไม่เห็น {PP 178.2}

ยาโคบฟังทุกสิ่งที่บิดาอธิบายถึงสิทธิฝ่ายจิตวิญญาณของบุตรหัวปีพลางคิดในใจปรารถนาที่จะได้มาเป็นของตน เขาจดจำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากแม่เป็นอย่างดี และคิดถึงเรื่องนี้ทั้งวันทั้งคืนจนกลายเป็นจุดมุ่งหมายของชีวิต ถึงแม้ยาโคบเห็นว่าชีวิตนิรันดร์สำคัญกว่าผลประโยชน์ในโลกนี้แต่เขาก็ยังไม่มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้าที่ตนนับถือ จิตใจของเขายังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระคุณของพระเจ้า เขาเชื่อว่าพระสัญญาที่กล่าวถึงตนเองนั้นคงไม่สำเร็จตราบใดที่เอซาวยังมีสิทธิของบุตรหัวปี จึงหมั่นหาช่องทางที่จะได้สิทธิที่ตนถือว่าล้ำค่าแต่พี่ชายกลับไม่แยแส {PP 178.3}

ความประมาทของเอซาว

วันหนึ่งเมื่อเอซาวอ่อนระโหยโรยแรงกลับบ้านจากการล่าสัตว์มาขออาหารที่ยาโคบกำลังปรุงอยู่นั้น ยาโคบซึ่งคิดอยู่เพียงเรื่องเดียวจึงรีบฉวยโอกาส เขายอมบรรเทาความหิวของพี่ชายโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องแลกด้วยสิทธิบุตรหัวปี ส่วนพรานป่าผู้เลินเล่อและตามแต่ใจตัวเองตอบว่า “ดูซิ ข้ากำลังจะตายอยู่แล้ว สิทธิบุตรหัวปีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้า” เอซาวยืนหยัดข้อตกลงนี้ด้วยคำสาบานจึงพรากจากสิทธิบุตรหัวปีเพียงเพื่อแลกกับถั่วแดงชามเดียว ถ้าเขาอดทนอีกครู่เดียวไม่นานคงหาอาหารในเต็นท์ของบิดาได้ แต่เพื่อสนองความอยากชั่วประเดี๋ยวเดียวจึงประมาทและขายสิทธิพิเศษที่พระเจ้าเองทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษ เอซาวสนใจแต่ปัจจุบัน เขาพร้อมที่จะสูญเสียสวรรค์เพื่อแลกกับประโยชน์ในโลก เขายินดีแลกอนาคตที่สดใสกับการปล่อยใจชั่ววูบ {PP 179.1}

“ดังนี้เอซาวก็ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปีของตน” เขารู้สึกโล่งใจที่ได้ละทิ้งมันไป ตอนนี้เขาจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบโดยไม่มีอะไรมากีดกั้น มีคนจำนวนมากที่สำคัญผิดคิดว่าความเพลิดเพลินบันเทิงใจคือการมีอิสระและพร้อมที่จะขายสิทธิบริสุทธิ์ของตนคือมรดกนิรันดร์ในสวรรค์ {PP 179.2}

เอซาวสนใจแต่สิ่งล่อใจภายนอกและเรื่องฝ่ายโลก ภายหลังเขาจึงรับผู้หญิงชาวฮิตไทต์ 2 คนมาเป็นภรรยา หญิงทั้ง 2 คนกราบไหว้บูชาพระเทียมเท็จ และการไหว้รูปเคารพนั้นทำให้ใจของอิสอัคกับเรเบคาห์ขมขื่น เอซาวได้ทำผิดต่อเงื่อนไขแห่งพันธสัญญาข้อหนึ่งที่ห้ามแต่งงานกับคนต่างชาติที่ไม่นับถือพระเจ้า แต่อิสอัคยังตั้งใจที่จะมอบสิทธิบุตรหัวปีแก่เขาโดยไม่หวั่นไหว เหตุผลของนางเรเบคาห์กับความปรารถนาอย่างแรงกล้าของยาโคบที่อยากจะได้รับพรนั้น ทั้งความเพิกเฉยของเอซาวต่อหน้าที่ของผู้รับสิทธิดังกล่าวไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจของอิสอัคผู้เป็นบิดาได้ {PP 179.3}

เป็นไปตามแผน

หลายปีต่อมาอิสอัคแก่ชราลงดวงตาฝ้าฟาง คาดว่าอีกไม่นานตนก็ต้องตาย ท่านจึงตั้งใจว่าจะไม่รีรอที่จะมอบสิทธิบุตรหัวปีแก่ลูกชายคนโตต่อไปอีกแล้ว แต่เพราะรู้ว่านางเรเบคาห์และยาโคบไม่เห็นด้วยจึงตัดสินใจทำพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างลับๆ อิสอัคสั่งเอซาวตามธรรมเนียมของการกินเลี้ยงในพิธีมอบสิทธิบุตรหัวปีนั้นว่า “เจ้าจง…ออกไปที่ท้องทุ่งหาเนื้อมาให้พ่อ จัดเตรียมอาหารอร่อยมาให้พ่อ…เพื่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย” {PP 179.4}

เรเบคาห์รู้ทัน นางมั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้ขัดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงเผยให้นั้น อิสอัคเสี่ยงต่อการทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัยโดยกีดกันลูกคนเล็กจากตำแหน่งที่พระองค์ทรงเตรียมไว้ให้ นางได้พยายามใช้เหตุผลกับอิสอัคแต่ก็เปล่าประโยชน์ คราวนี้คงต้องใช้อุบายแทน {PP 180.1}

ทันทีที่เอซาวออกไปนางเรเบคาห์ก็เริ่มดำเนินตามแผนการ นางเล่าให้ยาโคบฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำชับว่าจำเป็นที่จะต้องจัดการทันทีเพื่อไม่ให้เอซาวได้รับพรแห่งสิทธิบุตรหัวปีที่ยกเลิกถอนคืนไม่ได้ นางรับรองว่าหากลูกชายทำตามคำสั่งของแม่จะได้สิทธิบุตรหัวปีตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ แต่ยาโคบไม่สู้จะเต็มใจรับแผนการที่แม่เสนอ แค่คิดถึงการหลอกพ่อก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว กลัวว่าจะเป็นบาปและนำมาซึ่งการสาปแช่งแทนพระพร แต่จิตสำนึกผิดชอบของเขาพ่ายแพ้ต่อสถานการณ์จึงทำตามคำแนะนำของแม่ เขาไม่ตั้งใจที่จะโกหกเสียดื้อๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อก็ดูเหมือนว่าตนถลำไปไกลเกินที่จะถอย เขาจึงโกงเอาคำอวยพรที่ตนต้องการมา {PP 180.2}

สมหวังแต่ไม่สุข

ยาโคบกับนางเรเบคาห์สมหวังดังตั้งใจ แต่ก็ได้เพียงความทุกข์ลำบากมาเป็นผลของการหลอกลวงนั้น พระเจ้าตรัสว่ายาโคบจะได้รับสิทธิบุตรหัวปี และถ้าพวกเขารอคอยพระองค์ด้วยความเชื่อ พระองค์คงประทานให้ตามเวลาของพระองค์เอง แต่พวกเขาไม่ยอมฝากเรื่องไว้กับพระองค์เหมือนกับคนจำนวนมากในปัจจุบันที่อ้างว่าเป็นคนของพระเจ้าแต่กลับไม่ไว้วางใจพระองค์ ต่อมาเรเบคาห์ได้สารภาพด้วยใจขมขื่นที่แนะนำลูกผิดจนต้องพรากจากลูกชายและไม่ได้เห็นหน้ากันอีกเลย ตั้งแต่ชั่วโมงที่ยาโคบได้สิทธิบุตรหัวปีก็มีเสียงฟ้องก้องอยู่ในใจตลอดเวลา เขาได้ทำบาปต่อพ่อ ต่อพี่ชาย ต่อตัวเขาเอง และต่อพระเจ้า การทำบาปในเพียงเวลาสั้นๆ นั้นเป็นเหตุให้ต้องสำนึกเสียใจไปตลอดชีวิต หลายปีต่อมาเหตุการณ์เหล่านี้ยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของยาโคบเมื่อต้องทนเห็นความชั่วของลูกๆ {PP 180.3}

ทันทีที่ยาโคบเดินพ้นจากประตูเต็นท์ของพ่อ เอซาวก็เข้าไป ถึงแม้ว่าเขาเคยขายสิทธิบุตรหัวปีด้วยการสบถสาบาน บัดนี้เขาตั้งใจที่จะรับพรนั้นไม่ว่าน้องชายจะอ้างอย่างไรก็ตาม เพราะในคำอวยพรนั้นไม่ได้กล่าวถึงด้านจิตวิญญาณอย่างเดียว แต่หมายถึงการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าตระกูลและการรับส่วนแบ่งมรดก 2 เท่า ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เอซาวชอบใจ จึงกล่าวว่า “ขอพ่อลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา เพื่อจะได้อวยพรลูก” {PP 180.4}

รู้ตัวว่าถูกหลอก

อิสอัคบิดาผู้ชราสายตาพร่ามัวตกใจกลัวจนตัวสั่นเมื่อรู้ว่าถูกหลอกลวง ความหวังที่เฝ้าทะนุถนอมมาตลอดถูกขัดขวางเสียแล้ว ท่านรู้ซึ้งถึงความผิดหวังที่ลูกชายคนโตเป็นอยู่ในขณะนั้น ถึงกระนั้นท่านสำนึกขึ้นทันทีว่า นี่เป็นการทรงนำของพระเจ้าที่ล้มล้างความตั้งใจของท่านในการขัดขวางไม่ให้ลูกชายคนเล็กมารับสิทธิบุตรหัวปี ท่านจำถ้อยคำของทูตสวรรค์ที่กล่าวไว้กับนางเรเบคาห์ได้ และถึงแม้ยาโคบทำบาปเพื่อชิงเอาสิทธิบุตรหัวปี แต่อิสอัคเห็นว่าเขาเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จ ขณะที่ท่านอวยพรยาโคบอยู่นั้น ท่านรู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจ บัดนี้เมื่อท่านเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดนี้แล้วจึงยืนยันถึงคำอวยพรที่กล่าวแก่ยาโคบโดยไม่ตั้งใจว่า “พ่ออวยพรเขาแล้ว เป็นที่แน่ว่า เขาจะได้รับพร” {PP 181.1}

เอซาวไม่เห็นคุณค่าของคำอวยพรในขณะที่ยังอยู่ใกล้ตัว แต่เมื่อโอกาสหมดไปแล้วเขากลับต้องการ ด้วยอาการหุนหันพลันแล่นตามประสาคนใจร้อน เอซาวเสียใจและเกรี้ยวกราดอย่างน่ากลัว ร้องขึ้นด้วยความเจ็บช้ำใจสุดแสนจะบรรยายว่า “พ่อครับ ขออวยพรลูก ขออวยพรลูกด้วย” “พ่อมิได้สงวนพรไว้ให้ฉันบ้างหรือ” แต่คำสาบานที่ตนเคยให้ไปนั้นไม่อาจถูกเรียกคืน สิทธิบุตรหัวปีที่เอซาวขายไปด้วยความประมาทนั้นไม่อาจได้กลับคืนมา เอซาวขายสิทธิบุตรหัวปี “เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว” เพื่อสนองความต้องการเพียงชั่ววูบตามจิตใจของตนที่ไม่เคยหักห้ามเอาไว้เลย แต่เมื่อสำนึกขึ้นว่าตนเองโง่เขลาที่ทำอย่างนั้นก็สายเกินไปที่จะรับพระพรกลับคืนมา “เพราะเขาไม่มีหนทางแก้ไขเลย ถึงแม้ว่าได้กลับใจแสวงหาจนน้ำตาไหล” (ฮีบรู 12:16–17 TH1971) พระเจ้าไม่ได้ทรงกีดกันเอซาวจากการกลับใจมาเป็นที่พอพระทัยพระองค์ แต่เขาไม่มีทางที่จะได้สิทธิบุตรหัวปีกลับคืนมา ที่เขารู้สึกเศร้าใจนั้นไม่ใช่เพราะสำนึกในความบาป เขาไม่ต้องการกลับคืนดีกับพระเจ้า เขาเศร้าเพราะผลของความบาป ไม่ใช่เพราะความบาป {PP 181.2}

ผลความมักง่าย

เนื่องจากเอซาวเพิกเฉยต่อพระพรของพระเจ้าและข้อบังคับของพระองค์ พระคัมภีร์จึงเรียกเขาว่า “เป็นคนผิดธัมมะ” (ฮีบรู 12:16 TH1971) เขาเป็นตัวแทนของคนทั้งหลายที่ไม่เห็นคุณค่าของการทรงไถ่ของพระคริสต์ พร้อมที่จะสละสิทธิ์ไปสวรรค์เพื่อแลกกับสิ่งที่ไม่จีรังบนโลกนี้ คนจำนวนมากอยู่เพื่อปัจจุบันโดยไม่คิดคำนึงถึงวาระสุดท้าย เขาร้องเหมือนเอซาวว่า “ให้เรากินและดื่มเถิด เพราะว่าพรุ่งนี้เราก็จะตาย” (1 โครินธ์ 15:32 TH1971) เขาเป็นทาสของอารมณ์และยอมสละทุกสิ่งเพื่อที่จะไม่ต้องบังคับใจตนเอง เมื่อต้องเลือกระหว่างการสนองกิเลสตัณหากับพระพรในสวรรค์ที่ทรงสัญญาไว้ให้กับผู้ที่รู้จักเสียสละและเกรงกลัวพระเจ้า ความอยากก็มีชัยและพระเจ้ากับสวรรค์กลายเป็นที่ดูหมิ่นโดยปริยาย มีคนมากมายแม้คนที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนที่ปล่อยตัวตามความต้องการจนเสียสุขภาพและใจสำนึกผิดชอบมึนชา เมื่อมีคนบอกว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะชำระตัวเองให้ปราศจากมลทินทุกอย่างของเนื้อหนังและวิญญาณจิต และทำให้มีความบริสุทธิ์ครบถ้วนโดยความเกรงกลัวพระเจ้านั้น เขากลับไม่พอใจ เพราะเห็นว่าไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้ในขณะที่ยังติดนิสัยสนองความอยากอันเป็นภัยต่อตน เนื่องจากทางไปสู่ชีวิตนิรันดร์นั้นคับแคบ เขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่ดำเนินในทางนั้นอีกต่อไป {PP 181.3}

มีคนจำนวนมากที่ขายสิทธิบุตรหัวปีของตนเพื่อสนองกิเลสตัณหา เขาสูญเสียสุขภาพ สติปัญญา และแผ่นดินสวรรค์ ทั้งหมดนี้เพื่อความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งการปล่อยตัวนั้นมีแต่ทำให้ใจอ่อนแอและต่ำทราม เอซาวเห็นความโง่เขลาของตนที่ประมาทแลกสิทธิบุตรหัวปีเพื่ออาหารมื้อเดียวแล้วมารู้สึกตัวเอาเมื่อสายเกินที่จะได้กลับคืนมาฉันใด ในวันสำคัญของพระเจ้าคนทั้งหลายที่ยอมแลกสิทธิในการขึ้นสวรรค์เพื่อสนองกิเลสตัณหาจะสำนึกผิดเมื่อสายเกินไปฉันนั้น {PP 182.1}