15. การสมรสของอิสอัค

ห่วงใยอิสอัค

อับราฮัมชรามากแล้ว รู้สึกว่าคงอีกไม่นานจะต้องตาย เหลืออีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำเพื่อให้พระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อลูกหลานสำเร็จ เพราะอิสอัคยังไม่ได้แต่งงานทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงกำหนดให้เขาเป็นผู้สืบทอดธรรมบัญญติของพระองค์และเป็นบิดาของชนชาติที่ทรงเลือกไว้ แต่ชาวคานาอันบูชารูปเคารพและพระเจ้าทรงห้ามไม่ให้ประชากรของพระองค์แต่งงานกับคนเหล่านั้นเพราะจะทำให้หลงไป อับราฮัมกลัวอิทธิพลมืดที่ห้อมล้อมบุตรชายของตน ท่านยอมจำนนต่อน้ำพระทัยและเชื่อพระเจ้าจนเป็นนิสัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาในอุปนิสัยของอิสอัค ขณะเดียวกันอิสอัคเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม มีความรู้สึกอ่อนไหวและมักจะโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่น กลัวว่าหากร่วมชีวิตกับผู้ที่ไม่ยำเกรงพระเจ้าเขาอาจละทิ้งความเชื่อเพื่อเห็นแก่ความปรองดอง การเลือกคู่ครองให้บุตรชายเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับอับราฮัม ท่านกลัวว่าลูกจะแต่งงานกับคนที่จะพาให้เขาไขว้เขวไปจากทางของพระเจ้า {PP 171.1}

ในสมัยโบราณบิดามารดามักจัดการหมั้นหมายให้แก่ลูก และผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าในสมัยนั้นก็ปฏิบัติตามธรรมเนียมนี้เช่นกัน ไม่มีใครถูกบังคับให้แต่งงานกับผู้ที่ตนไม่รัก แต่ในเรื่องความรักใคร่ของคนหนุ่มสาวนั้นพ่อแม่ผู้ยำเกรงพระเจ้าและผ่านประสบการณ์มาก่อนจะมีส่วนช่วยเลือก บุตรที่ไม่เชื่อฟังคำแนะนำนี้จะถือว่าอกตัญญูและมีความผิดร้ายแรง {PP 171.2}

อิสอัคเชื่อฟัง

อิสอัคไว้วางใจในสติปัญญาและความรักของบิดาจึงมอบเรื่องนี้ไว้กับท่าน เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้นำในการเลือกสรรภรรยาให้เขาด้วยพระองค์เอง อับราฮัมหวนนึกถึงญาติพี่น้องในแผ่นดินเมโสโปเตเมีย ถึงแม้พวกเขาบูชารูปเคารพอยู่บ้าง แต่ก็ยังรักษาความรู้เรื่องของพระเจ้าที่แท้จริงและนมัสการพระองค์ อิสอัคจะต้องไม่ออกจากแผ่นดินคานาอันเพื่อไปหาญาติพี่น้องเหล่านั้น แต่อาจมีหญิงสักคนหนึ่งจากกลุ่มพี่น้องเหล่านั้นที่ยินดีจากบ้านของเธอมาร่วมชีวิตกับอิสอัคเพื่อรักษาการนมัสการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์แต่พระองค์เดียวไว้ให้บริสุทธิ์ อับราฮัมมอบเรื่องสำคัญนี้ไว้กับ “คนใช้ของท่านที่มีอาวุโสที่สุด” เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความเชื่อและมีประสบการณ์ สามารถพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นผู้ที่รับใช้ท่านด้วยความซื่อสัตย์มาช้านาน อับราฮัมให้คนใช้ของท่านสาบานต่อพระเจ้าว่าเขาจะไม่เสาะหาหญิงชาวคานาอันให้อิสอัคแต่จะหาจากครอบครัวของนาโฮร์ในเมโสโปเตเมีย ท่านสั่งไม่ให้พาอิสอัคไปที่นั่นด้วย หากไม่สามารถหาหญิงสาวผู้ที่จะจากพ่อแม่พี่น้องมาได้ คนใช้ก็จะพ้นจากคำสาบาน อับราฮัมให้กำลังใจเขาในเรื่องหน้าที่ที่ยากและละเอียดอ่อนโดยให้ความมั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยให้งานนั้นสำเร็จ กล่าวว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงนำเรามาจากบ้านบิดาเราและจากบ้านเกิดเมืองนอนของเรา…พระองค์จะทรงใช้ทูตของพระองค์ไปข้างหน้าเจ้า” {PP 171.3}

พบหญิงที่เลือกสรร

เอลีเอเซอร์ออกเดินทางทันทีพร้อมอูฐ 10 ตัวสำหรับเพื่อนร่วมทางและคณะฝ่ายเจ้าสาวซึ่งอาจร่วมเดินทางกลับมาด้วยกัน และยังมีของมีค่าติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าสาวและเพื่อนๆ ของเธอ เขาเดินทางไกลผ่านเมืองดามัสกัสจนมาถึงที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ติดกับแม่น้ำใหญ่แห่งดินแดนตะวันออก เมื่อมาถึงฮาราน “เมืองของนาโฮร์” คนใช้หยุดพักนอกเมืองใกล้กับบ่อน้ำ พอตกเย็นผู้หญิงในเมืองจะออกมาตักน้ำกัน ตอนนี้เอลีเอเซอร์รู้สึกกังวลใจเพราะการเลือกของเขาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลสำคัญแก่ครอบครัวเจ้านายเท่านั้น แต่ยังมีผลไปถึงลูกหลานในอนาคตอีกด้วย เขาจะเลือกภรรยาให้อิสอัคอย่างมีวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนแปลกหน้าได้อย่างไร แต่เมื่อจดจำคำพูดของอับราฮัมที่ว่าพระเจ้าจะทรงใช้ทูตสวรรค์ไปด้วย จึงอธิษฐานอย่างร้อนรนเพื่อขอการทรงนำที่แน่ชัด ในครอบครัวของเจ้านาย เขาคุ้นเคยกับการแสดงน้ำใจไมตรีอยู่เสมอ จึงได้อธิษฐานขอให้หญิงสาวที่แสดงออกถึงมารยาทที่ดีงามเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือก {PP 172.1}

เอลีเอเซอร์อธิษฐานยังไม่ทันขาดคำพระเจ้าก็ทรงตอบ ท่ามกลางผู้หญิงที่บ่อน้ำนั้น มีหญิงสาวผู้หนึ่งแสดงกิริยามารยาทอ่อนช้อยงดงามเป็นที่สะดุดตาเขา ขณะที่เธอเดินมาจากบ่อน้ำ เอลีเอเซอร์เข้าไปหาและขอน้ำจากไหที่เธอกำลังแบกอยู่ เธอตอบตกลงด้วยวาจาสุภาพและเสนอที่จะตักน้ำให้อูฐของเขาอีกด้วย ซึ่งเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกัน แม้แต่ธิดาของเจ้าชายก็ยังตักน้ำให้ฝูงแพะแกะของราชบิดา ด้วยวิธีนี้เอลีเอเซอร์จึงได้รับหมายสำคัญที่ต้องการ “หญิงสาวนั้นงามมาก” และมีความเพียบพร้อมด้วยมารยาทซึ่งพิสูจน์ถึงจิตใจที่เมตตาและความคล่องแคล่วว่องไวในตัวเธอ พระเจ้าทรงนำเอลีเอเซอร์มาถึงบัดนี้ หลังจากที่ได้ตอบแทนน้ำใจของเรเบคาห์ด้วยของฝากอันมีค่าแล้ว เอลีเอเซอร์จึงถามถึงพ่อแม่ของเธอ เมื่อรู้ว่าเธอคือลูกสาวของเบธูเอลผู้เป็นหลานชายของอับราฮัม เขาจึง “กราบลงนมัสการพระเจ้า” {PP 172.2}

ต้อนรับขับสู้

ขณะที่ขอบคุณเรเบคาห์อยู่นั้น เอลีเอเซอร์ได้แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับอับราฮัม และได้ขอพักอาศัยในบ้านบิดาของเธอ เมื่อกลับถึงบ้านเรเบคาห์เล่าเรื่องทั้งหมดให้ลาบันพี่ชายของเธอฟัง เขาจึงรีบจัดการต้อนรับขับสู้เอลีเอเซอร์และคนอื่นๆ ที่ร่วมเดินทางมาด้วย {PP 173.1}

เอลีเอเซอร์ไม่รับประทานอาหารจนกว่าเขาได้เล่าเรื่องภารกิจ คำอธิษฐานที่บ่อน้ำ ตลอดจนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง แล้วกล่าวว่า “บัดนี้ถ้าท่านยอมแสดงความภักดีและจริงใจต่อนายข้าพเจ้าแล้ว ขอกรุณาบอกข้าพเจ้า ถ้ามิฉะนั้นก็ขอบอกข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะหันไปทางขวาหรือทางซ้าย” คำตอบที่ได้รับคือ “สิ่งนี้มาจากพระเจ้า เราจะพูดดีหรือร้ายกับท่านก็ไม่ได้ ดูเถิด เรเบคาห์ก็อยู่ต่อหน้าท่าน พาเธอไปเถิดและให้เธอเป็นภรรยาบุตรชายนายของท่านดังที่พระเจ้าตรัสแล้ว” {PP 173.2}

ตอบตกลง

หลังจากได้รับอนุญาตจากครอบครัว มีคนถามเรเบคาห์ว่าเธอจะยอมจากบ้านบิดาไปยังดินแดนที่แสนไกลเพื่อสมรสกับบุตรชายของอับราฮัมหรือไม่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอเชื่อว่าพระเจ้าทรงเลือกเธอให้เป็นภรรยาของอิสอัค จึงตอบว่า “ฉันจะไป” {PP 173.3}

คนใช้ของอับราฮัมอดใจไว้ไม่ไหวที่จะรีบกลับบ้านเพราะมั่นใจว่าเจ้านายจะปลื้มปีติกับความสำเร็จในหน้าที่ของตน พอรุ่งเช้าพวกเขาจึงออกเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้าน อับราฮัมอาศัยอยู่ที่เบเออร์เชบา ส่วนอิสอัคได้กลับมาที่เต็นท์ของบิดาจากการดูแลฝูงแกะที่ต่างตำบลเพื่อคอยคนใช้กลับมาจากเมืองฮาราน “เวลาเย็นอิสอัคออกไปที่ทุ่งนาเพื่อจะสงบอารมณ์ เงยหน้าขึ้นมองไปเห็นมีอูฐเดินมา เรเบคาห์เงยหน้าขึ้น เมื่อแลเห็นอิสอัคเธอก็ลงจากอูฐและพูดกับคนใช้นั้นว่า ‘ชายคนโน้นที่กำลังเดินผ่านทุ่งนามาหาเรานั้นคือใคร’ คนใช้นั้นตอบว่า ‘นายข้าพเจ้าเอง’ เธอจึงหยิบผ้าคลุมหน้ามาคลุม คนใช้บอกให้อิสอัคทราบทุกอย่างที่เขาได้กระทำไป อิสอัคก็พาเธอเข้ามาในเต็นท์ของซาราห์มารดาของท่านและรับเรเบคาห์ไว้ เธอก็เป็นภรรยาของท่านและท่านก็รักเธอ อิสอัคก็ได้รับความเล้าโลมภายหลังที่มารดาของท่านสิ้นชีวิตแล้ว” {PP 173.4}

อับราฮัมสังเกตผลของการสมรสระหว่างผู้ที่ยำเกรงและผู้ที่มิได้ยำเกรงพระเจ้าตั้งแต่ยุคของคาอินจนถึงสมัยของท่าน ท่านพิจารณาผลของการที่ตนแต่งงานกับฮาการ์และตัวอย่างชีวิตสมรสของอิชมาเอลและของโลท อิชมาเอลเกิดมาเพราะอับราฮัมกับซาราห์ขาดความเชื่อ เป็นผลของการแต่งงานระหว่างคนชอบธรรมกับคนที่ไม่นับถือพระเจ้า อิทธิพลของญาติพี่น้องฝ่ายแม่ที่บูชารูปเคารพและภรรยาทั้งหลายของอิชมาเอลลบล้างอิทธิพลของผู้เป็นพ่อ ความอิจฉาของฮาการ์กับบรรดาภรรยาที่เธอเลือกให้อิชมาเอลได้สร้างกำแพงซึ่งอับราฮัมพยายามทำลายแต่ก็ไร้ผล {PP 173.5}

ชีวิตอิชมาเอล

อิชมาเอลไม่ลืมสิ่งที่อับราฮัมสั่งสอนเมื่อเขายังเป็นเด็ก แต่การบูชารูปเคารพเข้ามาในครอบครัวเพราะอิทธิพลของภรรยา เมื่อเขาพรากจากพ่อและมีชีวิตที่ขมขื่นเพราะการทะเลาะวิวาทกันในบ้านที่ขาดความรักและความยำเกรงพระเจ้า ทำให้อิชมาเอลเลือกชีวิตเป็นขุนโจรแห่งทะเลทรายตามคำทำนายที่ว่า “มือเขาจะต่อสู้คนทั้งปวง และมือคนทั้งปวงจะต่อสู้เขา” (ปฐมกาล 16:12 TH1971) เขาสารภาพความผิดที่ได้กระทำและกลับมาหาพระเจ้าในบั้นปลายชีวิต แต่ลูกหลานได้สืบทอดอุปนิสัยเดิมของเขา ชาติมหาอำนาจที่สืบเชื้อสายจากอิชมาเอลเป็นคนโหดเหี้ยมป่าเถื่อนและสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้เชื้อสายของอิสอัคเรื่อยมา {PP 174.1}

อิทธิพลของคู่ครอง

ส่วนภรรยาของโลทเป็นคนเห็นแก่ตัวและไร้ศาสนา อิทธิพลของเธอผลักดันให้สามีตีตัวห่างจากอับราฮัม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแล้วโลทคงไม่อาศัยต่อในเมืองโสโดมที่ไม่มีคำแนะนำอันชาญฉลาดของอับราฮัมผู้ยำเกรงพระเจ้า หากไม่ใช่เพราะคำสั่งสอนของอับราฮัมที่เขาได้รับในวัยหนุ่ม อิทธิพลชักจูงของภรรยาและการคบค้าสมาคมกับคนชั่วร้ายในเมืองนั้นคงทำให้โลททิ้งพระเจ้าไปแล้ว ชีวิตการแต่งงานของเขาและการเลือกอาศัยอยู่ในเมืองโสโดมเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลเลวร้ายในโลกเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน {PP 174.2}

เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ยำเกรงพระเจ้าจะร่วมทางกับผู้ไม่ยำเกรงพระองค์โดยไม่ได้รับอันตราย “สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน” (อาโมส 3:3 TH1971) ชีวิตสมรสจะมีความสุขและประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับความเป็นหนึ่งเดียวของทั้งสองคน แต่จุดมุ่งหมาย รสนิยม และความชื่นชอบของผู้ที่ไม่เชื่อแตกต่างกับผู้ที่เชื่ออย่างสิ้นเชิง พวกเขาเข้ากันไม่ได้เพราะต่างก็รับใช้นายของตน ไม่ว่าใครจะมีหลักความเชื่อที่บริสุทธิ์ถูกต้องมากเท่าไรก็ตาม แต่การคบหาคนที่ไม่เชื่อมีแนวโน้มที่จะดึงตัวเขาให้ห่างจากพระเจ้าไป {PP 174.3}

คนที่แต่งงานขณะที่ไม่เชื่อพระเจ้า เมื่อกลับใจเชื่อพระองค์แล้วจะต้องซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสของตนมากยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าความเชื่อระหว่างเขากับคู่สมรสจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงไรก็ตาม ในขณะเดียวกันพระเจ้าต้องมาก่อนความสัมพันธ์อื่นใดในโลก ถึงแม้จะนำมาซึ่งความยากลำบากและการกดขี่ข่มเหงก็ตาม ความซื่อสัตย์ที่แสดงออกด้วยความรักความสุภาพอ่อนน้อมนี้เอง อาจชนะใจคู่ครองที่ยังไม่เชื่อ แต่พระคัมภีร์ห้ามไม่ให้คริสเตียนแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อ พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ” (2 โครินธ์ 6:14, 17, 18 TH1971) {PP 175.1}

การที่พระเจ้าทรงให้อิสอัคเป็นทายาทแห่งพระสัญญาที่จะนำพระพรมาสู่มวลมนุษย์เป็นการให้เกียรติเขาอย่างมาก ถึงกระนั้นเมื่อเขาอายุ 40 ปี อิสอัคยอมรับการพิจารณาของบิดาที่มอบหมายให้คนใช้ผู้มากประสบการณ์และยำเกรงพระเจ้าเป็นผู้เลือกภรรยาให้ พระคัมภีร์บรรยายถึงการสมรสในครั้งนั้นให้เห็นแบบอย่างครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข “อิสอัคก็พาเธอเข้ามาในเต็นท์ของซาราห์มารดาของท่านและรับเรเบคาห์ไว้ เธอก็เป็นภรรยาของท่านและท่านก็รักเธอ อิสอัคก็ได้รับความเล้าโลม ภายหลังที่มารดาของท่านสิ้นชีวิตแล้ว” {PP 175.2}

ให้พ่อแม่มีส่วน

วิธีเลือกคู่ครองของอิสอัคช่างต่างกับวิธีของคนหนุ่มสาวในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง แม้ท่ามกลางคนที่อ้างตัวว่าเป็นคริสเตียน คนหนุ่มสาวมักคิดว่าความรักใคร่เป็นเรื่องส่วนตัวที่แม้พระเจ้าหรือพ่อแม่ไม่ควรเข้ามาก้าวก่ายแต่อย่างใด พวกเขาคิดว่าตนฉลาดพอที่จะตัดสินใจเองโดยไม่ต้องการคำแนะนำจากพ่อแม่ทั้งๆ ที่ยังอีกนานกว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่ หลังจากแต่งงานเพียงไม่กี่ปีก็นานพอที่จะทำให้พวกเขารู้ว่าตัดสินใจผิด แต่ส่วนใหญ่ก็สายเกินไปที่จะยับยั้งผลอันเลวร้ายที่จะตามมา นิสัยที่ขาดการไตร่ตรองไม่ยับยั้งชั่งใจที่ชักนำให้เขาด่วนตัดสินใจไปตั้งแต่แรกนั้นเป็นเหตุให้สถานการณ์เลวร้ายลง จนชีวิตสมรสกลายเป็นภาระอันขมขื่น หลายคนจึงสูญเสียความสุขในชีวิตนี้และความหวังในชีวิตหน้าด้วยประการฉะนี้ {PP 175.3}

การแต่งงานเป็นเรื่องที่ต้องไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากกว่าเรื่องอื่นโดยต้องปรึกษาผู้ใหญ่และผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า ก่อนที่ชายหญิงจะก้าวเข้าสู่ชีวิตสมรสเขาทั้งสองสมควรรับเอาพระคัมภีร์เป็นที่ปรึกษาและอธิษฐานแสวงหาการทรงนำจากพระเจ้ามากเป็นพิเศษ {PP 175.4}

พ่อแม่ต้องไม่ละเลยที่จะรับผิดชอบต่อความสุขในอนาคตของลูกๆ อิสอัคเคารพต่อการตัดสินใจของพ่อเพราะเขาเคยได้รับการฝึกฝนให้รักการเชื่อฟัง อับราฮัมกำชับลูกๆ ให้อยู่ในโอวาทของบิดามารดา ในขณะเดียวกันชีวิตของท่านก็พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านไม่ได้ใช้อำนาจบังคับลูกโดยใช่เหตุหรืออย่างเห็นแก่ตัว แต่อบรมด้วยความรัก หวังให้พวกเขาเจริญและมีความสุข {PP 175.5}

พ่อแม่ควรตระหนักถึงภาระหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการมีแฟน คอยชี้ทางให้ลูกรักคนที่มีลักษณะสมเป็นคู่ครอง ให้พ่อแม่ถือว่านี่คือหน้าที่ คือการเป็นตัวอย่างที่ดี และการอบรมสั่งสอนโดยพระคุณของพระเจ้า ให้ปลูกฝังอุปนิสัยของลูกๆ ตั้งแต่เป็นทารก เพื่อให้เป็นคนที่บริสุทธิ์ มีความสง่างาม รักความดีและความจริง เพราะกาย่อมเข้าฝูงกา หงส์ก็ย่อมเข้าฝูงหงส์ คนที่มีนิสัยเหมือนกันชอบอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ต้องปลูกฝังลูกให้รักความจริง ความบริสุทธิ์ และสิ่งดีงามตั้งแต่เยาว์วัย และเมื่อโตเป็นหนุ่มสาวเขาจะแสวงหาคนที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน {PP 176.1}

รักกันอย่างไร

พ่อแม่จงขวนขวายที่จะเป็นแบบอย่างถึงความรักและความดีของพระเจ้าทั้งในบ้านและในอุปนิสัยของตนเอง ให้บ้านเต็มด้วยแสงสว่าง สิ่งเหล่านี้จะมีค่าสำหรับลูกๆ มากยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทอง ให้ความรักที่ได้จากครอบครัวยังคงฝังอยู่ในใจ เพื่อพวกเขาจะคิดถึงบ้านที่สงบสุขดังสวรรค์ในช่วงวัยเด็ก ไม่ใช่ทุกคนในครอบครัวมีนิสัยเหมือนกัน จึงต้องใช้ความอดทนต่อกันและกันเสมอ แต่ทุกคนสามารถผูกพันกันอย่างใกล้ชิดด้วยความรักและการฝึกระเบียบวินัย {PP 176.2}

ความรักแท้เป็นหลักการที่บริสุทธิ์และสูงส่ง ไม่เหมือนความรักชั่ววูบที่มอดไปเมื่อถูกทดลองหนัก ลูกๆ จะเตรียมตัวมีบ้านของเขาเองได้ด้วยการทำตามหน้าที่ในบ้านของพ่อแม่อย่างซื่อสัตย์ ให้เขาฝึกที่จะเสียสละ มีความโอบอ้อมอารี มีมารยาท และความเห็นอกเห็นใจแบบคริสเตียน เช่นนี้แล้วความรักจะอยู่ในใจของเขาเสมอ เมื่อเขาก้าวออกจากบ้านหลังนี้ไปเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาจะรู้วิธีมอบความสุขให้แก่ภรรยา แทนที่ความรักจะเจือจางลงหลังแต่งงานก็จะกลับหวานชื่นยิ่งขึ้น {PP 176.3}