26. ท่านสงสัยทำไม
พระคัมภีร์เขียนถึงพระเยซูว่า พระองค์ “ทรงค้ำจุนสิ่งทั้งปวงไว้ด้วยพระวจนะอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์” (ฮีบรู 1:3) พระวจนะนั้นไม่เพียงแต่มีฤทธานุภาพในการค้ำจุนเท่านั้น แต่ยัง “สามารถก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาธรรมิกชน” (กิจการ 20:32) {LBF 81.1}
ตัวอย่างที่พระวจนะของพระคริสต์มีฤทธิ์อำนาจในการค้ำจุนนั้นปรากฏอยู่ในมัทธิว 14:25–32 คราวนั้นเหล่าสาวกอยู่ในเรือขณะที่ทะเลกำลังปั่นป่วน พวกเขาตกใจกลัวเมื่อเห็นพระเยซูทรงดำเนินมาบนน้ำ “พระเยซูตรัสกับเขาว่า ‘ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย’ ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์’ พระองค์ตรัสว่า ‘มาเถิด’” (TH1971) {LBF 81.2}
เปโตรตอบสนองต่อพระดำรัสของพระเยซูที่ตรัสว่า “มาเถิด” เขาจึง “เดินบนน้ำไปหาพระเยซู” อาจมีบางคนด่วนสรุปว่า น้ำพยุงเปโตรไว้ไม่ให้จม แต่ถ้าพิจารณาดูแล้วจะเห็นว่าไม่เป็นความจริง เพราะมันผิดธรรมชาติของน้ำที่จะค้ำจุนมนุษย์ไม่ให้จมได้ พระคัมภีร์เขียนต่อจากนั้นว่า “แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย’ ในทันใดนั้นพระเยซูทรงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ แล้วตรัสว่า ‘ท่านสงสัยทำไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง’” (TH1971) {LBF 81.3}
ถ้าหากว่าน้ำคือสิ่งที่พยุงเปโตรไว้ เขาคงไม่เริ่มจม เพราะจุดที่เปโตรเดินบนน้ำกับจุดที่จมลงนั้นเป็นที่เดียวกัน พระเยซูตรัสถามเปโตรว่า “ท่านสงสัยทำไม” ฉะนั้นเราจึงเห็นได้ว่าสิ่งที่ค้ำจุนเปโตรไว้ในขณะที่เขาเดินบนน้ำคือพระดำรัสของพระเยซู พระดำรัสที่ตรัสว่า “มาเถิด” คือสิ่งที่นำเปโตรให้เดินบนน้ำได้ แต่เมื่อเขาเริ่มสงสัยในพระดำรัสนั้น ก็เริ่มจมลงทันที {LBF 81.4}
พระดำรัสอันเดียวกันที่พยุงเปโตรไว้ให้เดินบนน้ำได้ สามารถบันดาลให้คนลอยขึ้นไปในอากาศได้เช่นกัน ครั้งหนึ่งเอลียาห์กำลังเดินไปกับเอลีชา แล้วอยู่ๆ เอลียาห์ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะพระเจ้าตรัสให้เอลียาห์ขึ้นไป และเนื่องจากผู้เผยพระวจนะเอลียาห์เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์เสมอ ท่านจึงกระทำตามคำสั่งในครั้งนั้นด้วย {LBF 81.5}
พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “โดยความเชื่อ เอโนคจึงถูกรับขึ้นไป” (ฮีบรู 11:5) แต่ความเชื่อนั้น “เกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระวจนะของพระเจ้า” (โรม 10:17 TKJV) สรุปว่าสิ่งที่นำเอโนคกับเอลียาห์ให้ลอยขึ้นไปในอากาศเพื่อพบองค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระวจนะของพระองค์นั่นเอง ทั้งสองท่านนี้เป็นเพียงผู้บุกเบิกของคนทั้งหลายที่จะมีชีวิตอยู่เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา ด้วยว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยเสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์ และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงรับพวกเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่ขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์” (1 เธสะโลนิกา 4:16–17) {LBF 82.1}
แล้วมีอะไรอีกเล่าที่จะอุ้มชูคนที่ได้รับความโปรดปรานเหล่านั้นให้ลอยขึ้นไปในอากาศ นั่นก็คือพระดำรัสอันเดียวกันกับที่ค้ำจุนเปโตรไว้บนน้ำ เมื่อนั้นพระองค์จะตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่ได้รับพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักรซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลาย” (มัทธิว 25:34) คนที่คุ้นเคยกับการเชื่อฟังพระองค์ จะตอบสนองทันทีและจะถูกรับขึ้นไป ส่วนคนที่ไม่ชินกับการเชื่อฟังก็จะไม่เชื่อฟังเช่นกันเมื่อพระองค์เสด็จมาเรียกคนของพระองค์ และเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง {LBF 81.2}
ถ้าเราเพิกเฉยต่อพระวจนะของพระเจ้า และไม่นำพระวจนะเข้ามาในชีวิตของเรา ในวันสุดท้ายเราก็จะไม่ยอมรับพระดำรัสที่ตรัสว่า “มาเถิด” มีทางเดียวที่เราจะสามารถรับเอาพระวจนะมาเป็นของเราคือให้ตระหนักว่าทุกครั้งที่พระองค์ตรัสนั้น พระองค์ตรัสถึงเรา ในวันสุดท้ายผู้ที่รอคอยการเสด็จมาของพระองค์จะเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตโดยพระวจนะของพระเจ้า ฉะนั้นเมื่อพระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” พวกเขาจะไปพบพระองค์แต่โดยดี เราจะเป็นสุขเมื่อรู้จักฤทธานุภาพแห่งพระวจนะที่ค้ำจุนเรา และเมื่อรับเอาพระวจนะนั้นเป็นของเรา {LBF 81.2}