10. หอบาเบล
สามชนชาติใหญ่
น้ำท่วมได้กวาดล้างเอาความเสื่อมเสียทางศีลธรรมออกไปจากโลก และพระเจ้าทรงสงวนชีวิตไว้แต่เพียงครอบครัวเดียว คือครอบครัวของโนอาห์ เพื่อให้มนุษย์ได้สืบตระกูลขยายพงศ์พันธุ์บนแผ่นดินโลกที่เริศร้าง พระเจ้าตรัสกับโนอาห์ว่า “ในชั่วอายุคนรุ่นนี้ เราเห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม” (ปฐมกาล 7:1 TH1971) กระนั้นต่อมาไม่นานนัก ก็เกิดความแตกต่างกันอย่างรวดเร็วระหว่างลูกชายทั้งสามของโนอาห์เหมือนอย่างคนในคราวก่อนน้ำท่วมโลก พฤติกรรมของเชม ฮาม และยาเฟทซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษยชาติได้ส่อให้เห็นล่วงหน้าว่าอุปนิสัยของลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปจะเป็นอย่างไร {PP 117.1}
โดยการดลใจจากพระเจ้า โนอาห์ได้ทำนายล่วงหน้าถึงประวัติของ 3 ชนชาติใหญ่ที่จะสืบมาจากบรรพบุรุษเหล่านี้ ท่านได้แช่งบรรดาทายาทของฮามโดยผ่านลูกชายของเขา กล่าวว่า “คานาอันจงถูกแช่ง ให้เป็นทาสแสนเลวของพี่น้อง” ความบาปของฮามที่ผิดธรรมชาตินั้นได้เผยให้เห็นว่า จิตใจของเขาไม่ได้นับถือบิดามารดามานานแล้ว และแสดงถึงอุปนิสัยใจคอที่เสื่อมทรามซึ่งต่อมาได้สืบทอดไปยังคานาอันและลูกหลานของเขา พวกเขาได้ทำผิดบาปอย่างต่อเนื่องจนต้องถูกลงโทษจากพระเจ้า {PP 117.2}
ในทางกลับกัน เชมกับยาเฟทได้แสดงออกถึงความเคารพยำเกรงต่อบิดาซึ่งเผยให้เห็นว่านับถือกฎเกณฑ์ของพระเจ้าด้วย ดังนั้นลูกหลานของพวกเขาจึงมีความหวังในอนาคตที่รุ่งเรืองกว่า โนอาห์ได้กล่าวถึงลูก 2 คนนี้ว่า “ขอพระเจ้าของข้าพระองค์ทรงอวยพระพรแก่เชม และให้คานาอันเป็นทาสของเขาเถิด ขอพระเจ้าทรงเพิ่มพูนยาเฟทให้ทวียิ่งขึ้น ให้เขาอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเชม และให้คานาอันเป็นทาสของเขาเถิด” ชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรรกับพระผู้ไถ่ที่ทรงสัญญาไว้นั้นได้สืบตระกูลมาจากเชื้อสายของเชม พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าของเชม โดยมีอับราฮัม ชนชาติอิสราเอล และพระคริสต์สืบเชื้อสายมาจากเขา “…ชนชาติซึ่งพระเจ้าของเขาคือพระเยโฮวาห์ก็เป็นสุข” (สดุดี 144:15 TH1971) ส่วนยาเฟทก็จะได้ “อาศัยอยู่ในเต็นท์ของเชม” คือลูกหลานของยาเฟทจะได้ส่วนพิเศษในพระพรของข่าวประเสริฐ {PP 117.3}
ผู้สืบเชื้อสายจากคานาอันได้เสื่อมทรามลงถึงสภาพที่ต่ำช้าป่าเถื่อน และถึงแม้คำพยากรณ์ของโนอาห์ได้สาปแช่งให้ต้องเคราะห์ร้ายกลายเป็นทาส แต่ก็ไม่ได้รับเคราะห์ร้ายดังกล่าวในทันที เวลาผ่านไปหลายศตวรรษ พระเจ้าทรงอดทนต่อความชั่วช้าของพวกเขาจนกระทั่งเกินขีดความอดกลั้นพระทัยของพระองค์ แล้วเชื้อสายของคานาอันจึงถูกริบทรัพย์และต้องกลายเป็นทาสของลูกหลานเชมกับยาเฟท {PP 118.1}
คำทำนายของโนอาห์นั้น ไม่ใช่การติเตียนที่กำหนดให้ต้องรับโทษโดยพลการ หรือการประกาศถึงความโปรดปรานอย่างไร้เหตุผล และก็ไม่ใช่การกำหนดชะตากรรมหรืออุปนิสัยของลูกชายทั้งสาม แต่ได้แสดงถึงผลของการเลือกวิถีชีวิต และอุปนิสัยที่แต่ละคนได้ฝึกมาว่าจะเป็นอย่างไร นั่นเป็นการสำแดงถึงพระประสงค์ของพระเจ้าเนื่องด้วยอุปนิสัยและพฤติกรรมของพวกเขาเอง โดยธรรมดาแล้วผู้เป็นลูกจะรับอารมณ์ ท่าทีและนิสัยของพ่อแม่เป็นมรดก และจะเลียนแบบตาม ลูกจึงเจริญรอยตามความบาปของพ่อแม่สืบทอดไปยังชั่วอายุต่อๆ ไป ดังนั้น นิสัยของฮามที่เลวร้ายและไม่นับถือบิดาได้สืบทอดไปถึงชั่วลูกชั่วหลานจนพวกเขาต้องถูกสาปแช่งนับหลายชั่วอายุคน “…คนบาปคนเดียวย่อมบั่นรอนความดีเสียเป็นอันมาก…” (ปัญญาจารย์ 9:18 TH1971) {PP 118.2}
ส่วนเชมนั้นตรงกันข้าม การที่เขานับถือบิดาทำให้ได้รับพรอย่างล้นหลาม และต่อมาผู้สืบเชื้อสายของเขาหลายคนมีกิตติศัพท์เลื่องชื่อยิ่งนักว่าเป็นคนบริสุทธิ์ “พระเจ้าทรงทราบวันเวลาของคนไร้ตำหนิ…และลูกหลานของเขาก็เป็นคำพร” (สดุดี 37:18, 26 TH1971) “เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าสัตย์ซื่อผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน” (เฉลยธรรมบัญญัติ 7:9 TH1971) {PP 118.3}
สร้างหอบาเบล
ลูกหลานของโนอาห์ได้อาศัยท่ามกลางภูเขาที่เป็นที่หยุดพักของเรืออยู่ระยะหนึ่ง เมื่อจำนวนคนเพิ่มขึ้น การละทิ้งความเชื่อทำให้เกิดการแตกแยกกันในไม่ช้า ผู้ที่ใคร่จะลืมพระผู้สร้างและละทิ้งกฎบัญญัติของพระองค์ที่ขัดขวางเขาอยู่ ก็รู้สึกว่าคำสอนและแบบอย่างของเพื่อนบ้านที่ยำเกรงพระเจ้าเป็นสิ่งที่น่ารำคาญตลอดเวลา ต่อมาพวกเขาตัดสินใจแยกตัวออกจากผู้ที่นมัสการพระเจ้า แล้วเดินทางไปยังที่ราบชินาร์ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส พวกเขาชอบภูมิประเทศที่สวยงามและแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์จึงมุ่งมั่นตั้งถิ่นฐานที่นั่น {PP 118.4}
ณ ที่แห่งนั้นเองพวกเขาตัดสินใจสร้างเมืองที่มีหอสูงลิบลิ่วจนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก โครงการเหล่านี้ได้วางแผนเอาไว้เพื่อไม่ให้คนกระจัดกระจายออกเป็นนิคม พระเจ้าได้ทรงบัญชาให้มนุษย์กระจายไปทั่วโลกเพื่อขยายออกไปมีอำนาจเหนือแผ่นดิน แต่คนที่สร้างหอบาเบลมุ่งหมายที่จะรักษาชุมชนของเขาไว้ให้เป็นหนึ่ง และจะจัดตั้งระบอบกษัตริย์ซึ่งในที่สุดจะปกครองทั่วโลก ดังนั้นเมืองของเขาจะกลายเป็นเมืองหลวงของมหาราชอาณาจักรที่จะปกครองอยู่เหนือพิภพทั้งสิ้น ความรุ่งเรืองของเมืองนี้จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนทั้งโลก และทำให้ผู้ที่ก่อตั้งเมืองมีชื่อเสียงเรียงนาม พวกเขาจะสร้างหอมหึมาสูงเทียมฟ้าเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งอำนาจและสติปัญญาของผู้ที่ออกแบบก่อสร้าง เพื่อให้กิตติศัพท์เลื่องลือจนถึงสุดปลายชั่วอายุคน {PP 118.5}
ผู้ที่อาศัยบนที่ราบชินาร์ไม่เชื่อพันธสัญญาของพระเจ้าที่ว่า พระองค์จะไม่ทรงให้น้ำท่วมโลกอีก มีหลายคนปฏิเสธว่ามีพระเจ้าและถือว่าน้ำท่วมโลกนั้นเป็นไปตามกระบวนการทางธรรมชาติ แต่บางคนเชื่อในพระเจ้าผู้สูงสุดและเชื่อว่าพระเจ้าองค์นี้แหละที่ทรงทำลายโลกโดยให้น้ำท่วม จิตใจของเขาผยองขึ้นเหมือนคาอินที่ได้คิดกบฏต่อพระองค์ จุดประสงค์อย่างหนึ่งในการสร้างหอนั้นก็เพื่อเป็นที่ลี้ภัยหากน้ำท่วมอีก พวกเขาคิดที่จะเอาตัวรอดพ้นภยันตรายทั้งปวงโดยให้โครงสร้างสูงยิ่งกว่าระดับน้ำตอนที่น้ำท่วมโลก และหากเขาสามารถขึ้นไปยังเมฆได้ ก็หวังว่าจะได้ค้นพบสาเหตุของน้ำท่วม โครงการทั้งหมดมีวัตถุประสงค์ที่จะเชิดชูนักก่อสร้างให้มีความหยิ่งยโสมากขึ้น และให้จิตใจของชนรุ่นหลังหันเสียจากพระเจ้าไปยังการไหว้รูปเคารพ {PP 119.1}
พระเจ้าทรงจัดการ
เมื่อหอถูกสร้างสำเร็จระดับหนึ่ง ผู้ก่อสร้างได้ใช้ส่วนหนึ่งของหอเป็นที่พักอาศัย ส่วนห้องอื่นได้รับการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยหรูเพื่ออุทิศให้กับรูปเคารพ ประชาชนได้เฉลิมฉลองความสำเร็จ สรรเสริญพระที่ทำด้วยเงินและทองคำ และตั้งตัวต่อต้านพระเจ้าผู้ทรงครอบครองสวรรค์และแผ่นดินโลก ในทันใดนั้นงานที่กำลังรุดหน้าไปด้วยดีก็ชะงักลง พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์ให้ทำลายความมุ่งมั่นของผู้ก่อสร้าง หอนั้นได้สร้างจนสูงมากแล้ว และคนที่ทำงานอยู่บนยอดไม่สามารถสื่อสารกับคนที่ทำงานอยู่ที่ฐานเบื้องล่างโดยตรงได้ ดังนั้นจึงมีผู้สื่อสารเป็นจุดๆ ตามหอขึ้นไปเพื่อรับและแจ้งวัสดุก่อสร้างที่ต้องการหรือคำสั่งอื่นๆ เกี่ยวกับการทำงานต่อไปยังคนถัดไป ในขณะที่กำลังสื่อสารกันขึ้นลงไปมาอยู่นั้น ภาษาก็ถูกผสมผสานให้วุ่นวายไป จนวัสดุที่สั่งให้ส่งขึ้นไปไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ และบ่อยครั้งคำสั่งที่สื่อออกไปนั้นตรงกันข้ามกับคำสั่งที่ได้รับมา จึงตามมาด้วยความตกตะลึงและความสับสนวุ่นวาย การทำงานทั้งหมดต้องหยุดชะงัก เป็นไปไม่ได้เสียแล้วที่จะประสานงานกันด้วยความสามัคคี ผู้ก่อสร้างไม่สามารถค้นหาสาเหตุปริศนาที่ทำให้เข้าใจผิดกันแต่อย่างใด ด้วยความผิดหวังและความโกรธเคืองเขาจึงกล่าวโทษกันและกัน การรวมกลุ่มกันนั้นจึงจบลงด้วยการฆ่าฟันให้เลือดตกยางออก ฟ้าแลบจากสวรรค์ได้ผ่าลงบนส่วนยอดของหอและเหวี่ยงลงมาสู่แผ่นดิน แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัย พวกเขาถูกเค้นให้สำนึกว่ามีพระเจ้าผู้ทรงครอบครองในบรรดาสวรรคสถาน {PP 119.2}
ก่อนหน้านี้ทุกคนพูดภาษาเดียวกันหมด บัดนี้คนที่พอจะเข้าใจภาษากันได้ก็รวมตัวเป็นกลุ่มและแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง พระเจ้า “ทรงทำให้เขากระจัดกระจายจากที่นั่นไปทั่วพื้นแผ่นดิน” การกระจัดกระจายนี้เป็นเหตุให้ผู้คนขยับขยายไปจนเต็มโลก ดังนั้นพระประสงค์ของพระเจ้าจึงสำเร็จด้วยการกระทำของคนที่พยายามขัดขวางไม่ให้สำเร็จนั้นเอง {PP 120.1}
แต่คนเหล่านั้นที่ตั้งตัวต่อสู้กับพระเจ้าต้องสูญเสียอะไรมากมายเสียจริง พระองค์มีพระประสงค์ให้มนุษย์นำความรู้เรื่องน้ำพระทัยของพระองค์ไปด้วยในขณะที่ออกเดินทางสร้างชาติในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อแสงสว่างแห่งความจริงจะได้ส่องไปยังชนรุ่นหลังโดยไม่ริบหรี่ โนอาห์ชายผู้ซื่อสัตย์ผู้เป็นนักเทศน์เรื่องความชอบธรรมมีชีวิตหลังน้ำท่วมไปอีกถึง 350 ปี ส่วนเชมอีก 500 ปี ดังนั้นลูกหลานของเขามีโอกาสเรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์ของพระเจ้าและประวัติเกี่ยวกับพระราชกิจของพระองค์ที่ทรงมีต่อบรรพบุรุษ แต่พวกเขาไม่ยอมฟังความจริงที่ไม่ถูกใจ ทั้งไม่อยากให้พระเจ้ามีส่วนในความคิดความทรงจำของตน และเพราะความสับสนทางภาษา ก็เลยถูกปิดกั้นไว้จากผู้ที่อาจให้ความสว่างกับเขาได้เป็นส่วนใหญ่ {PP 120.2}
เหตุที่สร้างหอบาเบล
ผู้สร้างหอบาเบลปล่อยใจไปกับนิสัยบ่นต่อว่าพระเจ้า แทนที่จะสำนึกถึงพระคุณโดยระลึกถึงพระเมตตาของพระองค์ต่ออาดัม และพระกรุณาของพระองค์ที่ทรงตั้งพันธสัญญาไว้กับโนอาห์ พวกเขากลับกล่าวหาพระเจ้าว่าทรงใช้ความรุนแรงขับไล่มนุษย์คู่แรกออกจากสวนเอเดน และทรงทำลายโลกโดยให้น้ำท่วม แต่ในขณะที่กล่าวหาพระเจ้าว่าทรงใช้ความรุนแรงโดยพลการนั้น พวกเขาก็กลับยอมรับนักเผด็จการที่ทารุณที่สุดมาเป็นผู้ครอบครองแทน ซาตานหาวิธีให้คนเกลียดชังเครื่องสัตวบูชาที่เป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ และในขณะที่การไหว้รูปเคารพทำให้จิตใจของคนมืดมนไป ซาตานได้นำให้เขาปลอมแปลงการถวายบูชาโดยเอาลูกในไส้ไปถวายบูชาบนแท่นแก่พระของตน เมื่อมนุษย์หันเหไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระลักษณะบริสุทธิ์ ยุติธรรม และมีความรัก เขาก็ประสบกับการบีบบังคับและความโหดร้ายทารุณ {PP 120.3}
คนที่สร้างหอบาเบลหมายมั่นที่จะตั้งระบอบการปกครองที่ไม่ขึ้นตรงต่อพระเจ้า แต่ยังมีบางคน ณ ที่แห่งนั้นที่ยำเกรงพระเจ้าอยู่ แต่ถูกหลอกโดยมารยาของคนอธรรมจึงได้หลงตามอุบายไป พระเจ้าทรงถ่วงเวลาไว้ไม่ลงโทษเพื่อประโยชน์ของคนซื่อสัตย์เหล่านี้ เผื่อว่ากาลเวลาจะทำให้อุปนิสัยอันแท้จริงปรากฏออกมา ในขณะนั้นคนของพระเจ้าทำงานเพื่อชักจูงคนทั้งหลายให้หันออกจากจุดมุ่งหมายของตน แต่คนเหล่านั้นเห็นพ้องเป็นหนึ่งเดียวกันในกิจการที่ท้าทายสวรรค์ ถ้าปล่อยให้เขาทำต่อไปโดยไม่ยับยั้ง ก็จะทำให้โลกเสื่อมทรามลงทั้งที่ยังใหม่อยู่ การรวมตัวกันของพวกเขาตั้งอยู่บนพื้นฐานของการกบฏ เป็นอาณาจักรที่ตั้งขึ้นเพื่อการยกย่องตนเอง แต่ไม่ให้พระเจ้าได้รับเกียรติหรือมีส่วนในการปกครอง ถ้าพระองค์ทรงอนุญาตให้เขารวมกันอยู่ต่อไป ก็จะกลายเป็นอำนาจมหาศาลที่จะขจัดเอาความชอบธรรมออกไปจากโลก เมื่อความชอบธรรมหมดไป ความสุขสันติและความมั่นคงปลอดภัยก็จะพลอยหมดไปด้วย เพราะข้อบัญญัติของพระเจ้า “บริสุทธิ์ ยุติธรรม และดีงาม” (โรม 7:12 TH1971) แต่ในขณะนั้นมนุษย์พยายามตั้งกฎต่างๆ มาแทนกฎของพระเจ้าเพื่อสนองจิตใจที่โหดร้ายและเห็นแก่ตัวของตน {PP 123.1}
ผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าได้ร้องทูลต่อพระองค์ ขอให้พระองค์ทรงจัดการ แล้ว “พระเจ้าเสด็จลงมาทอดพระเนตรเมือง และหอที่มนุษย์ก่อสร้างขึ้นนั้น” โดยพระเมตตาคุณที่มีต่อชาวโลก พระองค์จึงทรงล้มแผนการของผู้ก่อสร้างหอบาเบลและทรงคว่ำอนุสรณ์แห่งความองอาจลงเสีย โดยพระเมตตาคุณ พระองค์จึงทรงทำให้ภาษาของพวกเขาวุ่นวายไป เพื่อยับยั้งจุดมุ่งหมายของการกบฏ พระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานต่อจิตใจที่วิปริตของมนุษย์ โดยให้พวกเขามีโอกาสเพียงพอที่จะกลับใจได้ แต่ทรงสังเกตอุบายต่างๆ ที่จะขัดขืนต่ออำนาจแห่งพระบัญญัติอันบริสุทธิ์ยุติธรรมของพระองค์ ครั้งแล้วครั้งเล่าพระหัตถ์ที่มองไม่เห็นเหยียดคทาแห่งการปกครองออกเพื่อยับยั้งความชั่ว มีหลักฐานแน่ชัดว่าพระผู้สร้างจักรวาลเป็นผู้เปี่ยมด้วยพระปัญญา ความรัก และความจริงอย่างไม่รู้สิ้น พระองค์ทรงเป็นผู้ครอบครองสูงสุดเหนือสวรรค์และแผ่นดินโลก และคนที่ท้าทายอำนาจของพระองค์จะไม่มีโทษก็หามิได้ {PP 123.2}
แผนการเลวร้ายของผู้สร้างหอบาเบลจบลงด้วยความพ่ายแพ้และความอับอายขายหน้า อนุสรณ์แห่งความเย่อหยิ่งของเขากลายเป็นเครื่องเตือนความทรงจำต่อความโง่เขลาของตน ถึงกระนั้นคนก็ยังมุ่งไปในทิศทางเดียวกันนั้น คือพึ่งตัวเองและปฏิเสธพระบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันที่ซาตานพยายามใช้ในสวรรค์ และครอบงำคาอินเมื่อครั้งที่เขานำผลไม้ไปถวาย {PP 123.3}
บทเรียนแก่คนยุคสุดท้าย
มี ‘นักก่อสร้างหอบาเบล’ ในยุคสมัยของเราด้วย ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าได้ก่อทฤษฎีขึ้นมาแล้วอ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งยังปฏิเสธพระวจนะของพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยให้แก่เขา พวกเขาบังอาจกล่าวโทษการปกครองของพระเจ้าที่ประกอบด้วยศีลธรรม ทั้งดูหมิ่นพระบัญญัติของพระองค์และอวดถึงเหตุผลของมนุษย์ว่าดีพร้อมสรรพแล้ว “เพราะการลงโทษตามการตัดสินคนที่ทำชั่วนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยเร็ว เหตุฉะนั้นใจของบรรดามนุษย์จึงเจตนามุ่งทำความอธรรม” (ปัญญาจารย์ 8:11 THSV) {PP 123.4}
ท่ามกลาง ‘โลกคริสเตียน’ ที่อ้างตัวว่านับถือศาสนาคริสต์ มีคนจำนวนมากที่หันออกไปจากคำสั่งสอนอันชัดแจ้งของพระคัมภีร์ และก่อหลักข้อเชื่อโดยอาศัยนิทานที่รื่นหูกับการคาดการณ์ของมนุษย์ พวกเขาชี้ไปยัง ‘หอ’ นั้นว่าเป็นบันไดที่ใช้ปีนขึ้นสู่สวรรค์ได้ ผู้คนตั้งหน้าตั้งตาฟังนักวาทศิลป์สอนว่าผู้ที่ล่วงละเมิดจะไม่ต้องตาย และจะสามารถรอดได้โดยไม่ต้องเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ถ้าผู้ที่อ้างตัวว่าเชื่อในพระเยซูได้ยอมรับมาตรฐานของพระเจ้าแล้ว ก็จะนำให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ตราบใดที่เขายกสติปัญญาของมนุษย์เหนือพระวจนะบริสุทธิ์ของพระเจ้า ก็จะมีการแตกแยกและการทะเลาะวิวาทกัน สภาพปัจจุบันที่มีหลักข้อเชื่อและลัทธิต่างๆ ที่ขัดแย้งกันจนยุ่งเหยิงนั้นได้สมญานามที่เหมาะเจาะว่า “บาบิโลน” ซึ่งพระคัมภีร์ได้บรรยายว่าหมายถึงคริสตจักรที่รักฝ่ายโลกในยุคสุดท้าย (วิวรณ์ 14:8; 18:2) {PP 124.1}
มีหลายคนพยายามสร้างสวรรค์ให้ตนเองด้วยการกอบโกยทรัพย์สินและอำนาจ “เขาเย้ยและพูดด้วยความมุ่งร้าย เขาใฝ่สูงขู่ว่าจะบีบบังคับ” (สดุดี 73:8 TH1971) พวกเขาเหยียบย่ำสิทธิมนุษยชนและดูหมิ่นอำนาจของพระเจ้า คนจองหองอาจวางอำนาจบาตรใหญ่ไปชั่วระยะหนึ่ง และมีความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขากระทำ แต่ในที่สุดจะพบแต่เคราะห์ร้ายและความผิดหวัง {PP 124.2}
การพิพากษาของพระเจ้ามาใกล้แล้ว พระผู้สูงสุดจะเสด็จลงมาทอดพระเนตรสิ่งที่มนุษย์ได้ก่อสร้าง พระองค์จะทรงเปิดเผยพระเดชานุภาพอันสูงสุดของพระองค์ และบรรดาผลงานที่มนุษย์อวดนั้นจะถูกรื้อถอนลง “พระเจ้าทอดพระเนตรจากฟ้าสวรรค์ พระองค์ทอดพระเนตรบุตรทั้งปวงของมนุษย์ จากที่ซึ่งพระองค์ประทับ พระองค์ทอดพระเนตรเหนือชาวแผ่นดินโลกทั้งสิ้น” “พระเจ้าทรงให้การปรึกษาของชาติต่างๆ เปล่าประโยชน์ พระองค์ทรงให้แผนงานของชนชาติทั้งหลายไร้ผล คำปรึกษาของพระเจ้าตั้งมั่นคงเป็นนิตย์ พระดำริในพระทัยของพระองค์อยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์” (สดุดี 33:13–14; 10–11 TH1971) {PP 124.3}