บรรพชนกับผู้เผยพระวจนะเล่ม 12. การทรงสร้าง

2. การทรงสร้าง

การเนรมิตสร้างที่สวยงาม

“โดยพระวจนะของพระเจ้า ฟ้าสวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้นมากับบริวารทั้งปวงก็ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์” “เพราะพระองค์ตรัส มันก็เกิดขึ้นมา พระองค์ทรงบัญชา มันก็ออกมา” (สดุดี 33:6, 9 TH1971) “พระองค์ทรงตั้งแผ่นดินโลกไว้บนรากฐานของมันเพื่อมิให้มันหวั่นไหวเป็นนิตย์” (สดุดี 104:5 TH1971) {PP 44.1}

เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกเสร็จใหม่ๆ ทุกอย่างสวยงามยิ่งนัก ภูมิประเทศมีหลากหลาย ได้แก่ภูเขา โคก เนิน สลับกับที่ราบลุ่ม แม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์และทะเลสาบที่น่าดู ภูเขาและเนินต่างๆ ไม่มีหินขรุขระปรักหักพังตามหน้าผาอันสูงชันหรือเหวลึกอันน่ากลัวเหมือนในสมัยนี้ ซากหินอันแหลมคมถูกซ่อนไว้ใต้พิภพ เปรียบเสมือนโครงกระดูกของโลกซึ่งปกคลุมด้วยดินอันอุดมสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยพืชนานาพรรณที่เขียวขจี ไม่มีห้วยหนองคลองบึงที่สกปรกและน่าเกลียดน่ากลัว หรือทะเลทรายที่ทุรกันดารปราศจากพืชผล มีสุมทุมพุ่มไม้และดอกไม้ต่างๆ ที่สวยงามละเอียดอ่อนตระการตาไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เนินเขาสูงปกคลุมไปด้วยต้นไม้ราวกับถูกสวมด้วยมงกุฎ ต้นไม้เหล่านั้นดูงามสง่ายิ่งกว่าต้นไม้ใดๆ ในสมัยปัจจุบัน อากาศก็บริสุทธิ์สะอาดสดใสปลอดภัยไร้มลพิษ ทิวทัศน์ก็ล้วนแต่สวยงามกว่าการจัดบริเวณอุทยานของพระราชวังที่ตกแต่งขึ้นอย่างสุดภาคภูมิ เหล่าทูตสวรรค์ต่างชื่นชมทัศนียภาพด้วยความปลื้มปีติในพระหัตถกิจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า {PP 44.2}

ตามพระฉายาของพระเจ้า

หลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างโลกให้อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ด้วยพระดำรัสแล้ว พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นผลงานการทรงสร้างที่พิเศษที่สุดในโลกอันสวยงามนี้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้แก่เขา มนุษย์จึงถูกยกขึ้นให้โดดเด่นเพื่อแสดงบทบาทในโลกนี้ และได้รับสิทธิอำนาจปกครองอยู่เหนือทุกสิ่งที่ตาเขาแลเห็นได้ เพราะ “พระเจ้าตรัสว่า ‘ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา…ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป’…พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์…และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” ในที่นี้ได้บอกถึงแหล่งกำเนิดของมนุษยชาติไว้อย่างชัดเจน พระวจนะของพระเจ้าเขียนไว้อย่างกระจ่างชัดไม่มีทางที่ใครจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์เอง นี่ไม่ใช่เรื่องปริศนาลึกลับ ไม่มีหลักฐานรองรับสมมุติฐานที่ว่ามนุษย์ค่อยๆ วิวัฒนาการมาจากสัตว์หรือพืชเลย การสอนเช่นนั้นก็เท่ากับทำให้พระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระผู้สร้างถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตความคิดแคบๆ ตามโลกียวิสัยของมนุษย์ มีมนุษย์บางกลุ่มมุ่งมั่นยิ่งนักที่จะกีดกันพระเจ้าจากการเป็นผู้ครอบครองจักรวาล จนกระทั่งยอมลดตัวลงสู่ความอัปยศอดสู ศักดิ์ศรีของการกำเนิดอันสูงส่งของมนุษย์จึงถูกฉกชิงไป พระเจ้าผู้ทรงวางดวงดาวต่างๆ ไว้ในท้องฟ้าเบื้องสูง และทรงระบายสีดอกไม้แห่งทุ่งหญ้าด้วยฝีพระหัตถ์อย่างวิจิตรบรรจง ผู้ทรงสร้างโลกและท้องฟ้าให้เต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์แห่งฤทธิ์อำนาจของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จพระราชกิจอันรุ่งเรืองของพระองค์ โดยให้มีผู้หนึ่งปกครองอยู่เหนือโลกนั้น พระองค์ทรงสร้างผู้ที่สมกับเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ผู้ประทานชีวิตให้แก่เขาอย่างแท้จริง การสืบเชื้อสายของมนุษยชาติตามที่ทรงดลใจให้บันทึกไว้นั้น คือมนุษย์สืบเชื้อสายมาจากพระผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่ มิใช่มาจากเชื้อจุลินทรีย์ สัตว์จำพวกหอยทาก หรือสัตว์จตุบาท ถึงแม้จะถูกสร้างขึ้นมาจากผงคลีดิน แต่อาดัมก็เป็น “บุตรพระเจ้า” (ลูกา 3:38 TH1971) {PP 44.3}

พระเจ้าทรงให้อาดัมปกครองอยู่เหนือสัตว์เดียรัจฉานในฐานะตัวแทนของพระองค์ สัตว์เหล่านี้ไม่สามารถเข้าใจหรือตอบสนองต่ออำนาจอธิปไตยของพระเจ้า แต่พระองค์ทรงสร้างให้พวกมันสามารถรักและรับใช้มนุษย์ได้ ผู้ประพันธ์สดุดีเขียนไว้ว่า “พระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สิ่งทั้งปวงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา คือฝูงแกะและฝูงวัวทั้งสิ้น ทั้งสัตว์ป่าด้วย ตลอดทั้งนกในอากาศ ปลาในทะเลและอะไรต่างๆ ที่ไปมาอยู่ตามทะเล” (สดุดี 8:6–8 TH1971) {PP 45.1}

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ ทั้งในรูปลักษณ์และอุปนิสัยด้วย พระคริสต์เท่านั้นที่ “ทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับ” พระบิดา (ฮีบรู 1:3 TH1971) แต่มนุษย์ถูกสร้างมาตามพระฉายาของพระองค์ เขาสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยธรรมชาติ สมองของเขาสามารถเข้าใจในเรื่องของพระเจ้าได้ ความรักของเขาก็บริสุทธิ์ ความต้องการและอารมณ์ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเหตุและผล เป็นผู้บริสุทธิ์และมีความสุขในการรับพระฉายาของพระเจ้า และในการเชื่อฟังตามน้ำพระทัยของพระองค์อย่างครบถ้วน {PP 45.2}

เมื่อมนุษย์ถูกสร้างโดยพระหัตถ์ของพระผู้สร้างใหม่ๆ นั้น เขามีความสูงสง่าได้สัดส่วนที่สมบูรณ์ ใบหน้าเปล่งปลั่งอมชมพู เผยให้เห็นถึงการมีสุขภาพที่ดี มีชีวิตชีวาและมีความสุข อาดัมสูงกว่ามนุษย์ในปัจจุบันนี้มาก ส่วนเอวาเตี้ยกว่าอาดัมเล็กน้อย ถึงกระนั้นยังเต็มไปด้วยความสง่างาม มนุษย์ที่ปราศจากบาปคู่นี้มิได้สวมสิ่งใดปกปิดร่างกาย แต่มีแสงรัศมีปกคลุมท่านไว้เช่นเดียวกับทูตสวรรค์ ตราบใดที่พวกท่านยังดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า ความสว่างอันเป็นเสื้อคลุมนี้จะยังคงห่อหุ้มท่านอยู่เรื่อยไป {PP 45.3}

คู่อุปถัมภ์

หลังจากที่ทรงสร้างอาดัมแล้ว ทุกชีวิตก็ถูกนำมาให้ท่านตั้งชื่อ อาดัมเห็นว่าสัตว์ทุกชนิดมีคู่ แต่ท่ามกลางสัตว์เหล่านั้น “ยังหามีคู่อุปถัมภ์ที่สมกับตนไม่” ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่พระเจ้าทรงสร้างบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะเท่าเทียมกับมนุษย์ได้ พระเจ้าตรัสว่า “ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียว เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น” พระเจ้าไม่ได้ทรงสร้างมนุษย์ให้อยู่โดดเดี่ยว พระองค์มีพระประสงค์ให้มนุษย์เป็นผู้มีสังคม ถ้าปราศจากคู่แล้วความสวยงามและหน้าที่ที่พึงปรารถนาต่างๆ ในสวนเอเดนก็ไม่อาจให้ความสุขที่สมบูรณ์ได้ แม้แต่การได้สนทนากับทูตสวรรค์ก็ยังไม่อาจสนองความปรารถนาที่จะมีเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจท่าน ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่มีธรรมชาติเดียวกันกับอาดัมให้ท่านรักหรือที่จะรักท่าน {PP 46.1}

พระเจ้าประทานคู่ครองให้อาดัมด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงเตรียม “คู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขา” ผู้เหมาะที่จะเป็นเพื่อน มีความรัก ความเห็นอกเห็นใจและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับท่าน เอวาถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม แสดงว่านางจะไม่ควบคุมอยู่เหนืออาดัมเสมือนเป็นศีรษะหรือถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าเหมือนผู้ต่ำต้อย แต่จะอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นที่รักและได้รับการคุ้มครองจากท่าน หญิงนั้นคือส่วนหนึ่งของชาย เป็นกระดูกที่มาจากกระดูกของท่าน เป็นเนื้อที่มาจากเนื้อของท่าน หญิงนั้นเหมือนตัวท่านเองอีกคนหนึ่ง แสดงถึงความสัมพันธ์อันสนิทแนบแน่นและการผูกพันด้วยความรักที่คู่สมรสพึงมีต่อกัน “เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดู และทนุถนอม” (เอเฟซัส 5:29 TH1971) “เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” {PP 46.2}

พระเจ้าทรงประกอบพิธีสมรสให้กับมนุษย์คู่แรก พระองค์ผู้ทรงสร้างจักรวาลจึงทรงเป็นผู้ริเริ่มสถาบันนี้ “การสมรสเป็นที่นับถือ” (ฮีบรู 13:4 TKJV) เป็นหนึ่งในของขวัญประการแรกที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ และเป็นหนึ่งในสองกฎเกณฑ์ที่อาดัมนำออกมาจากประตูสวนเอเดนดินแดนสุขาวดีหลังจากที่ตกสู่ความบาป เมื่อเรายอมรับและเชื่อฟังหลักการของพระเจ้าในเรื่องนี้ การสมรสจึงเป็นพระพร มันช่วยป้องกันความบริสุทธิ์และความสุขของมนุษยชาติเอาไว้ พร้อมตอบสนองความต้องการทางสังคม และช่วยยกระดับทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และศีลธรรม {PP 46.3}

สวนเอเดน

“พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ที่เอเดน ทางทิศตะวันออก และให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นมานั้นอยู่ที่นั่น” ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นมีความสวยงามที่สมบูรณ์แบบ และดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องที่จะอำนวยความสุขให้แก่ผู้บริสุทธิ์คู่นี้ ถึงกระนั้นก็ดีพระผู้สร้างยังประทานสัญลักษณ์แห่งความรักของพระองค์อีกอย่างหนึ่งคือทรงจัดเตรียมสวนให้เป็นบ้านของท่านโดยเฉพาะ ในสวนแห่งนี้มีต้นไม้นานาชนิด หลายต้นมีผลดกหอมหวนชวนรับประทาน มีเถาวัลย์อันงดงามอ่อนช้อยเลื้อยพันสูงขึ้นไปพร้อมกิ่งก้านที่โน้มลงด้วยผลไม้สีสันสดใสน่ารับประทาน อาดัมและเอวามีหน้าที่ดัดให้กิ่งก้านเถาวัลย์โค้งงอเป็นซุ้มเพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัยจากพืชพรรณที่มีชีวิตอุดมด้วยใบและผล มีดอกไม้นานาพรรณมากมายหลายหลากสีส่งกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจไปทั่วทุกทิศ กลางสวนเอเดนนี้เองมีต้นไม้แห่งชีวิตเป็นต้นที่สูงสง่ากว่าต้นใดในสวน ผลของมันเหมือนลูกแอปเปิลสีเงินสีทอง มีคุณสมบัติทำให้เกิดอายุวัฒนะ {PP 46.4}

วันสะบาโต

การทรงสร้างสำเร็จสมบูรณ์แล้ว “ฟ้าและแผ่นดินและบริวารทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้น พระเจ้าทรงสร้างสำเร็จดังนี้แหละ” “พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ทรงเห็นว่าดีนัก” สวนเอเดนได้เบ่งบานอยู่บนโลก อาดัมกับเอวาสามารถเข้าไปถึงต้นไม้แห่งชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่มีจุดด่างพร้อยของความบาปหรือเงาแห่งความตายมากระทำให้สิ่งทรงสร้างอันหมดจดเสื่อมเสียไปได้ “ดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญและบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน” (โยบ 38:7 TH1971) {PP 47.1}

พระเยโฮวาห์ผู้ยิ่งใหญ่ทรงวางรากฐานของแผ่นดินโลก พระองค์ทรงตกแต่งโลกทั้งใบด้วยความสวยงามและทรงเติมมันให้เต็มไปด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ พระองค์ทรงสร้างสิ่งน่าพิศวงทั้งมวลบนแผ่นดินและในทะเล การทรงสร้างที่ยิ่งใหญ่สำเร็จภายในหกวัน “ในวันที่เจ็ด” พระเจ้า “ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในการเนรมิตสร้าง” พระองค์ทอดพระเนตรดูพระหัตถกิจของพระองค์ด้วยความพอพระทัย ทุกอย่างล้วนแต่สมบูรณ์ดีพร้อม สมกับที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์ทรงพัก มิใช่เพราะทรงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่เพราะพอพระทัยในผลงานแห่งพระปัญญาและพระบารมีของพระองค์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพระรัศมีภาพของพระองค์ {PP 47.2}

หลังจากที่ทรงพักในวันที่เจ็ด พระองค์ทรงสถาปนาวันนั้นให้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ในสัปดาห์ เพื่อเป็นวันหยุดพักสำหรับมนุษย์ ให้เจริญรอยตามพระผู้สร้างที่ทรงวางแบบอย่างไว้ ให้มนุษย์พักผ่อนในวันศักดิ์สิทธิ์นี้ เพื่อว่าเมื่อมนุษย์มองไปยังท้องฟ้าและแผ่นดินโลก เขาก็จะครุ่นคิดไตร่ตรองถึงการทรงสร้างอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเมื่อได้เห็นหลักฐานต่างๆ ถึงพระปัญญาและพระบารมีของพระเจ้า หัวใจของเขาก็จะเต็มเปี่ยมด้วยความรักและความยำเกรงต่อพระผู้ทรงสร้าง {PP 47.3}

ณ สวนเอเดนนั้นเอง พระเจ้าได้ทรงตั้งอนุสรณ์แห่งการทรงสร้างไว้โดยทรงอวยพระพรวันที่เจ็ด พระองค์ทรงมอบวันสะบาโตให้กับอาดัม ซึ่งเป็นบิดาและตัวแทนของมนุษยชาติทั้งปวง การรักษาวันสะบาโตของคนในโลกคือการยอมรับด้วยใจซาบซึ้งว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างของเขา เขาเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นผู้ครอบครองเขาโดยชอบและเขาเป็นพลเมืองของพระองค์ วันสะบาโตมิใช่เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ที่เล็งถึงความสำเร็จในอนาคต และก็ไม่ใช่สำหรับเฉพาะชนชาติใดชนชาติหนึ่งหรือเผ่าใดเผ่าหนึ่งเท่านั้น แต่กฎเกณฑ์นี้เป็นอนุสรณ์สำหรับมนุษยชาติทั้งมวล {PP 48.1}

พระเจ้าทรงเห็นว่าวันสะบาโตมีความจำเป็นสำหรับมนุษย์แม้แต่ในดินแดนบรมสุขเกษม มนุษย์ต้องวางภาระการงานต่างๆ ของตนไว้วันหนึ่งในเจ็ดวัน เพื่อเขาจะได้คิดใคร่ครวญถึงพระราชกิจของพระเจ้า และไตร่ตรองถึงอำนาจและความดีของพระองค์ได้อย่างเต็มที่ วันสะบาโตจำเป็นสำหรับมนุษย์เพื่อเป็นเครื่องเตือนให้เห็นพระเจ้าชัดขึ้น และเพื่อปลุกใจให้มีความกตัญญูรู้คุณ เพราะความสุขทั้งมวล และสิ่งที่มีอยู่ทั้งหลายก็ล้วนแล้วแต่มาจากพระหัตถ์อันทรงคุณของพระผู้สร้าง {PP 48.2}

พระเจ้ามีพระประสงค์ให้วันสะบาโตนำพามนุษย์ให้คิดไตร่ตรองถึงการทรงสร้างของพระองค์ ธรรมชาติสื่อไปยังประสาทสัมผัสของมนุษย์ บอกถึงพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ผู้ทรงสร้างและทรงเป็นผู้ครอบครองสูงสุดเหนือทุกสิ่ง “ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้าและภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์ วันส่งถ้อยคำให้แก่วัน และคืนแจ้งความรู้ให้แก่คืน” (สดุดี 19:1–2 TH1971) ความงดงามที่ปกคลุมแผ่นดินโลกเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักของพระเจ้า เราเห็นได้จากเนินเขาทุกลูกที่ตั้งมั่นคงอยู่ ต้นไม้ที่สูงตระหง่าน และดอกไม้ตูมที่กำลังผลิบานมีความงามละเอียดลออ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่บอกเราถึงพระผู้เป็นเจ้า วันสะบาโตชี้ให้เห็นอยู่เสมอถึงพระองค์ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง และเชื้อเชิญให้มนุษย์ได้เปิดหนังสือเล่มใหญ่ออก คือธรรมชาติ เพื่อสะกดรอยไปให้เห็นถึงพระสติปัญญา ฤทธิ์อำนาจและความรักของพระผู้สร้าง {PP 48.3}

มีสิทธิ์ที่จะเลือก

บรรพบุรุษคู่แรกของเราถูกสร้างขึ้นมาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าท่านจะอยู่เหนือโอกาสที่จะกระทำผิดได้ พระเจ้าทรงสร้างท่านให้มีสิทธิเสรีภาพในการเลือกการกระทำ ให้สามารถซาบซึ้งถึงพระปัญญา พระบารมี และข้อบังคับอันยุติธรรมของพระองค์ ทั้งมีอิสระที่จะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังก็ได้ พระเจ้ามีพระประสงค์ให้ท่านพึงพอใจกับการเข้าเฝ้าพระองค์และการสนทนากับเหล่าทูตสวรรค์บริสุทธิ์ แต่ก่อนที่ท่านจะได้รับความไว้วางใจนิรันดร์ ก็ต้องมีการทดสอบความจงรักภักดีเสียก่อน ความปรารถนาที่จะกระทำตามอำเภอใจเป็นกิเลสมรณะและเป็นเหตุให้ซาตานตกสู่ความบาป ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงวางเครื่องเหนี่ยวรั้งไว้นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีชีวิตในโลกเพื่อป้องกันไม่ให้ท่านปรารถนาที่จะทำตามใจตัวเอง ต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่วซึ่งอยู่ใจกลางของสวนใกล้กับต้นไม้แห่งชีวิตนั้น เป็นเครื่องทดสอบความเชื่อ การเชื่อฟัง และความรักของบรรพบุรุษคู่แรก ในขณะที่ได้รับอนุญาตให้กินผลไม้จากต้นอื่นๆ ทุกต้นในสวนได้ตามใจชอบแต่ก็ถูกห้ามไม่ให้ชิมผลของต้นนี้ มิฉะนั้นจะต้องตาย พระเจ้ายังทรงเปิดโอกาสให้ท่านถูกทดลองจากซาตานด้วย แต่ถ้าท่านสามารถทนต่อการทดลองได้ ท่านก็คงผ่านพ้นพลังอำนาจของซาตานและจะได้ชื่นชมยินดีอยู่กับพระเจ้าตลอดไป {PP 48.4}

พระเจ้าทรงตั้งมนุษย์ไว้ให้อยู่ภายใต้กฎซึ่งเป็นปัจจัยจำเป็นสำหรับชีวิต มนุษย์เป็นพลเมืองอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า และย่อมไม่มีการปกครองใดๆ ที่ปราศจากกฎเกณฑ์ พระเจ้าอาจสร้างมนุษย์โดยไม่ให้เขาสามารถฝ่าฝืนกฎของพระองค์ก็ได้ หรือพระองค์อาจยับยั้งมือของอาดัมไว้จากผลไม้ที่ต้องห้ามนั้น แต่ว่าในกรณีดังกล่าว มนุษย์จะไม่มีสิทธิเสรีภาพในการเลือกศีลธรรม แต่จะเป็นเหมือนหุ่นยนต์ไป ถ้าไม่มีเสรีภาพในการเลือกแล้ว การเชื่อฟังพระองค์จะไม่ได้มาจากความสมัครใจ แต่จะเป็นการบังคับ ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาอุปนิสัย เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะขัดกับพระประสงค์ของพระเจ้าในการควบคุมชีวิตทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในโลกต่างๆ และจะไม่สมเกียรติของมนุษย์ที่ถูกสร้างให้เฉลียวฉลาด ซ้ำร้ายยังตรงกับคำกล่าวหาของซาตานที่ว่ากฎของพระเจ้าเป็นไปโดยพลการอีกด้วย {PP 49.1}

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงโปรดให้เขามีลักษณะอุปนิสัยที่สง่างามโดยไม่มีความโน้มเอียงไปทางความชั่วร้ายแต่อย่างใด พระองค์ประทานพลังสมองอันเฉียบแหลมให้เขา และทรงสำแดงให้เห็นถึงแรงจูงใจต่างๆ ที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่จะหนักได้ เพื่อให้เขายังคงสัตย์ซื่อต่อความจงรักภักดี เงื่อนไขของความสุขนิรันดร์นั้นก็คือการเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์และต่อเนื่อง ด้วยเงื่อนไขนี้เองเขาจึงสามารถเข้าไปถึงต้นไม้แห่งชีวิตได้ {PP 49.2}

หน้าที่ของมนุษย์คู่แรก

พระเจ้ามีพระประสงค์ให้บ้านของบรรพบุรุษคู่แรกเป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลังที่จะกระจายออกไปอาศัยในแผ่นดินโลก แม้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ประดับประดาบ้านนั้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะเป็นปราสาทอันหรูหรา ความเย่อหยิ่งของมนุษย์ทำให้เขาชื่นชอบคฤหาสน์อันโอ่อ่าหรูหราฟุ่มเฟือย และมีความภาคภูมิใจในฝีมือของตนเอง แต่พระเจ้าทรงให้อาดัมอยู่ในสวน นั่นแหละเป็นที่อยู่ของท่าน มีท้องฟ้าสีครามเป็นหลังคา มีหญ้าเขียวขจีและดอกไม้ที่งามลออปกคลุมผืนดินเป็นพรมปูพื้น มีกิ่งก้านจากต้นไม้ใหญ่ปกคลุมด้วยใบไม้ซ้อนทับกันเรียงรายเป็นเพดาน ฝาผนังประดับด้วยสิ่งงดงามเลิศเลอที่สุดซึ่งเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่อยู่แวดล้อมมนุษย์บริสุทธิ์คู่นี้เป็นบทเรียนสำหรับคนในทุกยุคทุกสมัย กล่าวคือ ความสุขที่แท้จริงจะไม่อาจพบได้ในการปล่อยใจให้เย่อหยิ่ง หรือหมกมุ่นอยู่กับความสุรุ่ยสุร่าย แต่จะพบได้ด้วยการเข้าสนิทกับพระเจ้าผ่านทางธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง ถ้ามนุษย์ใส่ใจต่อสิ่งปลอมแปลงให้น้อยลงและฝึกฝนความเรียบง่ายให้มากขึ้น ก็จะเป็นการสนองพระประสงค์ของพระองค์ในการสร้างเขายิ่งขึ้นไปอีก ความเย่อหยิ่งและความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้จักพอ แต่ผู้ที่เฉลียวฉลาดอย่างแท้จริงจะพบกับความยินดีอย่างเหลือล้นในสิ่งอำนวยความสุขที่พระเจ้าทรงวางไว้ในวงเอื้อมมือของทุกคน {PP 49.3}

พระเจ้าทรงมอบหมายให้ผู้ที่อาศัยในสวนเอเดน “ทำและรักษาสวน” งานของท่านไม่ใช่งานที่ตรากตรำเหน็ดเหนื่อย แต่เป็นงานที่เพลิดเพลินและส่งเสริมกำลัง พระองค์ทรงกำหนดว่างานที่ใช้กำลังเป็นพระพรสำหรับมนุษย์เพื่อช่วยบริหารความคิด เสริมกำลังกาย และพัฒนาความสามารถ อาดัมพบความพอใจอันสูงสุดอย่างหนึ่งแห่งชีวิตบริสุทธิ์ของท่านในการทำกิจกรรมที่ใช้กำลังและความคิดควบคู่กันไป แล้วเมื่อท่านถูกขับไล่ออกจากบ้านอันสวยงามเพราะการไม่เชื่อฟังนั้น ท่านจำต้องบากบั่นสู้ทนกับดินที่เสื่อมลงเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารประจำวัน และงานที่ต้องใช้กำลังนี้เองที่เป็นเสมือนเครื่องป้องกันการทดลอง และยังเป็นสิ่งอำนวยความสุขให้แก่ท่านถึงแม้ว่างานนี้จะต่างกันลิบลับกับงานที่ท่านเคยชื่นชอบในสวนเอเดนก็ตาม ใครที่ถือว่าการทำงานคือการถูกสาปแช่ง ถึงแม้จะเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อยและเมื่อยล้า เขาก็คิดผิดเสียแล้ว คนร่ำรวยมักจะดูถูกเหยียดหยามชนชั้นกรรมกร แต่ความคิดนี้ผิดแผกไปจากพระประสงค์ของพระเจ้าในการทรงสร้างมนุษย์อย่างสิ้นเชิง สมบัติพัสถานของเศรษฐีจะมีค่าอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับมรดกที่ทรงมอบแก่อาดัมผู้ทรงศักดิ์ ถึงกระนั้นก็ดี อาดัมก็มิได้อยู่เฉยๆ พระผู้สร้างของเราผู้เข้าพระทัยวิธีอำนวยความสุขให้แก่มนุษย์ได้ทรงกำหนดงานให้อาดัมทำ ชายหญิงที่ทำงานเท่านั้นที่จะพบความสุขอันแท้จริงในชีวิต เหล่าทูตสวรรค์ก็ขยันทำงาน และเป็นพันธกรรับใช้พระเจ้าเพื่อมวลมนุษย์ พระผู้สร้างไม่ได้ทรงเตรียมที่ไว้สำหรับคนเกียจคร้าน ซึ่งความเกียจคร้านเสมือนน้ำนิ่งที่เน่าเสียเพราะเหตุขังอยู่กับที่ {PP 50.1}

ความสัมพันธ์อันดี

ขณะที่ท่านทั้งสองยังคงรักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์นั้น อาดัมและคู่ครองของท่านมีหน้าที่ครอบครองโลก พระเจ้าประทานให้ท่านมีอำนาจควบคุมอยู่เหนือสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีขีดจำกัด สิงโตและลูกแกะเล่นหยอกล้อกันอยู่รอบๆ ตัวท่านอย่างสุขสงบ แล้วก็นอนลงแทบเท้าของท่านทั้งสอง นกโผบินไปมาอย่างร่าเริงปราศจากความกลัว เมื่อพวกมันพากันเปล่งเสียงสรรเสริญพระเจ้าขึ้นมา อาดัมและเอวาก็สรรเสริญขอบคุณพระบิดาและพระบุตรร่วมกับนกด้วย {PP 50.2}

มนุษย์ผู้บริสุทธิ์คู่นี้มิได้เป็นแค่บุตรที่อยู่ภายใต้การดูแลของพระบิดาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเรียนที่จะรับคำสั่งสอนจากพระผู้สร้างผู้เป็นคลังแห่งสติปัญญาทั้งมวล ท่านทั้งสองได้รับการเยี่ยมเยียนจากทูตสวรรค์ และได้รับอนุญาตให้สนทนาปราศรัยกับพระผู้ทรงสร้างโดยไม่มีม่านหรือสิ่งใดมากั้นกลาง ท่านทั้งสองเต็มไปด้วยกำลังวังชาเนื่องจากได้รับประทานผลของต้นไม้แห่งชีวิต และมีสติปัญญาด้อยกว่าทูตสวรรค์แต่เพียงเล็กน้อย ความลึกลับแห่งจักรวาลที่ปรากฏแก่ตา คือ “…พระราชกิจอันประหลาดของพระองค์ผู้สมบูรณ์ในความรู้” (โยบ 37:16 TH1971) เป็นแหล่งวิชาความรู้และสิ่งอำนวยความสุขออย่างไม่รู้จบสิ้น ทั้งกฎและกระบวนการของธรรมชาติซึ่งมนุษย์ใช้เวลาศึกษากันมาตลอด 6,000 ปีนี้ พระเจ้าผู้ทรงเป็นช่างประดิษฐ์และผู้ผดุงสรรพสิ่งทั้งสิ้นได้ทรงเปิดเผยแก่อาดัมและเอวา ท่านทั้งสองได้สนทนากับใบไม้ ดอกไม้ และต้นไม้ และได้รวบรวมเอาความลับของแต่ละชีวิตมา อาดัมมีความคุ้นเคยกับสัตว์ทุกชนิดนับตั้งแต่สัตว์มหึมาอย่างเลวีอาธาน1ที่แหวกว่ายอยู่กลางน้ำ ไปจนถึงแมลงหวี่ที่ล่องลอยอยู่ในลำแสงของดวงอาทิตย์ ท่านเป็นผู้ตั้งชื่อให้มันทุกชนิด ทั้งรู้จักธรรมชาติและนิสัยของมันเป็นอย่างดี พระสิริของพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ ดวงดาวต่างๆ อันนับไม่ถ้วนที่โคจรรอบกันและกันอย่างเป็นระเบียบ “การทรงตัวของเมฆ” (โยบ 37:16 TH1971) ความลึกลับของแสง เสียง กลางวัน และกลางคืน ล้วนแล้วแต่ได้เปิดเผยให้บรรพบุรุษคู่แรกของเราได้ศึกษา พระนามของพระเจ้าถูกจารึกไว้ในโลก ในอากาศ ในท้องฟ้า บนใบไม้ทุกใบในป่า ก้อนหินทุกก้อนที่ภูเขา และดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับทุกดวง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความกลมกลืนกันของสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ได้เป็นพยานถึงพระปัญญาและพระเดชานุภาพอันไม่รู้จบสิ้นของพระองค์ ท่านทั้งสองได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความปลื้มปีติอยู่เสมอ {PP 50.3}

ตราบใดที่ท่านยังคงซื่อสัตย์ต่อพระบัญญัติของพระเจ้า ความสามารถของท่านในการเรียนรู้ ทั้งความเพลิดเพลินและความรักจะทวีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่านจะพบคลังแห่งความรู้และความสุขสดชื่นอย่างไม่ขาดสายและคงได้มโนคติที่กระจ่างชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงความรักอันใหญ่หลวงที่ไม่รู้สูญสิ้นของพระเจ้า {PP 51.1}

Footnotes

  1. สัตว์ทะเลขนาดมหึมา (สดุดี 104:24–26 TH1971)