11. ใจที่เสื่อมทราม
ถ้าเพื่อนคนหนึ่งพูดว่า เรามีจิตใจที่เสื่อมทราม เราคงตกใจและรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย หรือว่าถ้ามีคนประณามเราว่าเป็นคนชั่วช้า ก็คงรับไม่ได้ เราคงรู้จักคนชั่วอยู่บ้าง หรืออย่างน้อยก็เคยอ่านข่าวหรือประวัติเกี่ยวกับคนชั่วช้าสามานย์ แน่ทีเดียวไม่มีใครอยากถูกนับรวมเข้ากับคนเหล่านั้น เพราะเราถือว่าตนเองอยู่ในจำพวก “คนดี” แม้จะไม่ดีที่สุดก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่จัดว่า “ชั่ว” ฉะนั้นถ้าใครจะกล่าวหาเราว่ามีจิตใจที่เสื่อมทรามก็คงถือว่าเขาใส่ร้ายเรา {LBF 33.1}
หรือว่าเป็นไปได้ที่ข้อกล่าวหานั้นมีมูลความจริง ให้ลองมาพิจารณากันดู เพราะพระเจ้าได้ตรัสถึงเรื่องนี้ และแน่นอนพระองค์ไม่เคยปรักปรำผู้ใด แต่ทรงสำแดงความจริงที่ชัดเจนแก่ทุกคน มีคำเขียนไว้ในหนังสือเยเรมีย์ว่า “จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว” (เยเรมีย์ 17:9) แล้วจิตใจที่ว่านั้นเป็นจิตใจของใคร ข้อความไม่ได้ระบุไว้ แต่เป็นการกล่าวโดยรวม คือจิตใจของมนุษย์ทุกคน ทั้งของผู้อ่านและผู้เขียนด้วย มิหนำซ้ำเยเรมีย์ไม่ได้กล่าวว่าจิตใจอาจจะกลายเป็นสิ่งล่อลวงหรือว่าอาจจะเสื่อมทรามได้ แต่กล่าวว่าจิตใจของทุกคนอยู่ในสภาพนั้นอยู่แล้ว ข้อนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ พระเจ้าตรัสว่าจิตใจของเรา “เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว” ไม่ว่าเราจะเป็นที่นับหน้าถือตาสักเพียงใดในสังคม ถ้าจิตใจอย่างมนุษย์ครองชีวิตของเรา แสดงว่าเรา “เสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว” แล้วสาเหตุที่เราไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ ก็เนื่องจากว่า “จิตใจเป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใด” นั่นเอง มีการคิดฆ่าคนซ่อนไว้ในใจ มีการล่วงประเวณี การลักขโมย การหมิ่นประมาท มีอาชญากรรมอันร้ายแรง ซึ่งถ้าลงมือกระทำจริงๆ อาจเป็นเหตุให้ต้องถูกประหารชีวิตเลยทีเดียว มีบาปทุกอย่างซ่อนไว้ในใจ และทุกสิ่งที่เป็นการล่วงละเมิดพระบัญญัติสิบประการของพระเจ้าก็ล้วนแต่ซ่อนอยู่ในใจเช่นกัน เพราะพระเจ้าตรัสว่า “จิตใจฝ่ายเนื้อหนังก็เป็นศัตรูของพระเจ้า” เพราะ “ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า และที่จริงไม่สามารถปฏิบัติตามได้” (โรม 8:71) {LBF 33.2}
พระบัญญัติส่วนไหนบ้างที่เนื้อหนังไม่สามารถปฏิบัติตามได้ มีบางส่วนที่ปฏิบัติได้และบางส่วนที่ปฏิบัติไม่ได้อย่างนั้นหรือ คงไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้เพียงสองทาง คือ 1) จิตใจสามารถปฏิบัติได้ทั้งหมด หรือ 2) จิตใจไม่สามารถปฏิบัติได้เลย ส่วนพระคัมภีร์ให้คำตอบในเรื่องนี้ว่า จิตใจฝ่ายเนื้อหนัง “ไม่สามารถปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าได้” เพราะจิตใจฝ่ายเนื้อหนังคือธรรมชาติที่เรารับมาโดยกำเนิด และเรายังคงมีธรรมชาตินี้อยู่ไม่ว่าเราจะมีตำแหน่งหรือฐานะอะไรก็ตาม จนกว่าเราจะยอมให้พระองค์เปลี่ยนแปลงจิตใจของเราด้วยฤทธานุภาพแห่งพระคุณของพระองค์ ฉะนั้นตราบใดที่จิตใจฝ่ายเนื้อหนังยังคงครองชีวิตเราอยู่ เราก็เป็นศัตรูกับพระบัญญัติสิบประการทุกข้อ เราไม่เพียงแต่เป็นศัตรูต่อพระบัญญัติที่กล่าวว่า “อย่าโลภ” อันเป็นบาปของ “คนดี” แต่ก็ยังเป็นศัตรูกับข้อที่ว่า “อย่าฆ่าคน” และ “อย่าล่วงประเวณี” ถึงแม้เราอาจจะไม่รู้สึกว่ากำลังถูกผลักดันอยู่ภายในให้ทำบาปอย่างร้ายแรงก็ตาม แต่ด้วยจิตใจที่เป็นฝ่ายเนื้อหนังแล้ว เราเป็นศัตรูกับพระบัญญัติทุกข้อของพระเจ้า {LBF 34.1}
ถึงแม้ว่าเราจะนับตัวเองว่าเป็น “คนดี” แต่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจโดยที่เราไม่รู้ตัว มีกี่ครั้งที่สถานการณ์ได้เผยความชั่วในใจของเราออกมาอย่างไม่คาดคิด เมื่อมีคนขัดใจ หรือมีเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น เราก็พูดหรือกระทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองแปลกใจและอับอาย ไม่มีใครเริ่มต้นชีวิตด้วยความตั้งใจอยากเป็นฆาตกร คนเล่นชู้ หรือนักฉกชิงหรอก ถ้าหากในวัยเยาว์มีคนบอกล่วงหน้าว่า ‘สักวันหนึ่งเจ้าจะทำผิดอย่างร้ายแรง’ เขาคงรู้สึกหวาดหวั่นครั่นคร้าม แม้ว่าเมื่อโตขึ้นเขาได้กระทำเช่นนั้นจริงๆ แต่ธรรมชาติของเขาในวัยเยาว์ไม่ต่างอะไรกับเรา เพราะเชื้อของความบาปก็อยู่ในใจเป็นทุนอยู่แล้ว {LBF 34.2}
เราไม่อาจปฏิเสธพระดำรัสของพระเจ้าได้ ถ้าการเป็นที่น่านับถือภายนอกเป็นตัวกำหนดความรอด ซาตานคงได้เปรียบกว่าเราเป็นอย่างมาก เพราะมันเองยัง “ปลอมตัวเป็นทูตสวรรค์แห่งความสว่าง” (2 โครินธ์ 11:14 TH1971) ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ เราไม่สามารถแข่งขันกับซาตานในเรื่องภายนอกได้เลย พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นเราในสภาพที่เป็นอยู่จริง ส่วนเรา ถ้ามองตัวเองอย่างที่เป็นอยู่จริงได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี เมื่อเรายอมรับว่าจิตใจเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ก็จะเห็นว่าใจเก่าที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังนั้นควรต้องละทิ้งเสีย แทนที่จะคอยซ่อมแซมใจเก่าด้วยการทำบุญกุศลหวังให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เมื่อเห็นว่าใจเก่าซ่อมไม่ได้ เราควรพร้อมที่จะรับเอาจิตใจใหม่ที่พระเจ้าประทานให้ทุกคนที่มอบชีวิตทั้งหมดให้แก่พระองค์ และยินดีรับเอาพระเยซูคริสต์เข้ามาในใจด้วยความเชื่อ เราจำเป็นจะต้องเลือกระหว่างใจเดิมของเราที่เสื่อมทรามกับใจที่ประเสริฐงดงามของพระเยซู {LBF 34.3}
Footnotes
-
ท่อนแรกแปลจากพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษฉบับ KJV ส่วนท่อนหลังจากฉบับ THSV ↩