27. ความเชื่อที่มีชีวิต
คำว่า “ความเชื่อที่มีชีวิต” เป็นความจริงที่ตายตัว เพราะความเชื่อเป็นสิ่งที่มีชีวิต คนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ และเราไม่สามารถดำรงชีวิตโดยอาศัยสิ่งที่ไม่มีชีวิต เนื่องจากว่าคนเราจะดำรงชีวิตได้จากสิ่งที่ให้ชีวิตเท่านั้น และเราดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ แสดงว่าความเชื่อมีชีวิต {LBF 83.1}
ความเชื่อเป็นของประทานจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ (ดู เอเฟซัส 2:8) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ริเริ่มความเชื่อ (ดู ฮีบรู 12:2) และชีวิตมีอยู่ในพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นชีวิตนั้น ฉะนั้นสิ่งที่มาจากแหล่งกำเนิดเช่นนี้ก็ต้องมีชีวิต {LBF 83.2}
ในเมื่อความเชื่อมาจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่แต่พระองค์เดียว และจากพระเยซูคริสต์ผู้มีชีวิตแต่พระองค์เดียว และไม่ได้มาจากตัวเราเอง (ดู เอเฟซัส 2:8) ความเชื่อนั้นประกอบด้วยชีวิต จึงนำชีวิตมาสู่เรา {LBF 83.3}
ความเชื่อเกิดขึ้นมาโดยการฟังพระวจนะของพระเจ้า (ดู โรม 10:17) พระวจนะนั้น คือ “พระวจนะอันสัตย์จริง” (ทิตัส 1:9) คือพระวจนะที่เต็มไปด้วยความเชื่อ อันเป็น “พระวจนะแห่งชีวิต” (ฟีลิปปี 2:16) ฉะนั้นเนื่องจากพระวจนะของพระเจ้านำมาซึ่งความเชื่อ และเต็มไปด้วยความเชื่อ และเพราะพระวจนะนั้นคือพระวจนะแห่งชีวิต สรุปว่าความเชื่อคือชีวิต เป็นสิ่งที่มีชีวิตอยู่ และจะนำชีวิตของพระเจ้ามาให้เราในขณะที่เราดำเนินตามความเชื่อนั้น {LBF 83.4}
ความเชื่อนำชีวิตแบบไหนมาให้เรา เมื่อชีวิตนั้นมาจากพระเจ้าผ่านพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นเจ้าชีวิต แสดงว่าชีวิตที่ให้แก่เรานั้นเป็นชีวิตของพระเจ้า เราต้องการชีวิตของพระองค์ และพระองค์พร้อมที่จะประทานชีวิตนั้นแก่เรา เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “อย่าดำเนินชีวิตแบบเดียวกับที่พวกต่างชาติดำเนินกันอีกต่อไป คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งไร้สาระ ความคิดของเขาทั้งหลายถูกทำให้มืดมนไป และเขาขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้าเนื่องจากความไม่รู้ที่อยู่ในตัว และความแข็งกระด้างในจิตใจ” (เอเฟซัส 4:17–18) {LBF 83.5}
พระเยซูเสด็จมาเพื่อเรา “จะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์” (ยอห์น 10:10) “พยานหลักฐานนั้นคือ พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดร์แก่เรา และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ คนที่มีพระบุตรก็มีชีวิต คนที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต” (1 ยอห์น 5:11–12) เรารับพระคริสต์เข้ามาสถิตอยู่ในใจด้วยความเชื่อ (ดู เอเฟซัส 3:17) ฉะนั้นเนื่องจากมีแต่ชีวิตของพระเจ้าที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ และพระคริสต์สถิตในใจด้วยความเชื่อ แสดงให้เห็นอย่างแน่ชัดว่า ความเชื่อจะนำชีวิตของพระเจ้ามาสู่เราขณะที่เราดำเนินตามความเชื่อนั้น {LBF 84.1}
ชีวิตของพระเยซูเองจะสำแดงผ่านตัวเรา “เพราะว่าเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ถูกมอบไว้กับความตายอยู่เสมอเพราะเห็นแก่พระเยซู เพื่อชีวิตของพระเยซูจะปรากฏในร่างกายเนื้อหนังที่ต้องตายของเรา” (2 โครินธ์ 4:11) ชีวิตของพระเยซูจึงปรากฏอยู่ในชีวิตของเราโดยที่พระคริสต์เองสถิตอยู่ในเรา พระคริสต์ “ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กาลาเทีย 2:20) นี่คือการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ {LBF 84.2}
พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลาย และจะดำเนินในหมู่พวกเขา” (2 โครินธ์ 6:16) และ “เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า เราจะมาหาท่าน…เพราะเรามีชีวิตอยู่พวกท่านก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย” (ยอห์น 14:18–19) พระเยซูอยู่ในพวกเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพระองค์ทรงปรารถนาให้เรามี “ความเข้มแข็งภายในจิตใจด้วยฤทธานุภาพที่มาทางพระวิญญาณของพระองค์…ให้พระคริสต์ประทับในใจของท่านโดยทางความเชื่อ” (เอเฟซัส 3:16–17) “ในวันนั้น” (คือวันที่รับพระวิญญาณบริสุทธิ์) “ท่านจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และพวกท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน” (ยอห์น 14:20) “พวกเราจึงรู้ว่าพระองค์สถิตอยู่ในเราคือโดยพระวิญญาณที่พระองค์ประทานแก่เรา” (1 ยอห์น 3:24) “เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ” (กาลาเทีย 3:14) {LBF 84.3}
“พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นการสาปแช่งแห่งธรรมบัญญัติ…เพื่อพรของอับราฮัมจะได้มาถึงบรรดาคนต่างชาติที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาโดยความเชื่อ” (กาลาเทีย 3:13–14) เราต้องมีพรของอับราฮัมจึงจะรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่ทรงสัญญาไว้ และพรของอับราฮัมก็คือความชอบธรรมที่ได้มาโดยความเชื่อ (ดู โรม 4:1–13) เมื่ออับราฮัมมีความชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว “ท่านได้เข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายสำคัญ เป็นตรารับรองความชอบธรรมซึ่งเกิดโดยความเชื่อที่ท่านได้มีอยู่เมื่อท่านยังไม่ได้เข้าสุหนัต” (โรม 4:11) และเมื่อเรามีความชอบธรรมโดยทางความเชื่อแล้ว เราก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระสัญญาอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำการเข้าสุหนัตทางใจ สู่ความบริสุทธิ์ อันเป็นตรารับรองความชอบธรรมที่ได้มาโดยความเชื่อ เมื่อเราได้พรของอับราฮัม เราก็เป็นลูกของพระเจ้า และพระองค์จะประทานพระวิญญาณของพระบุตรเข้ามาในใจของเรา (ดู กาลาเทีย 3:26; 4:4–6) เมื่อเราได้พรของอับราฮัม เพื่อจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยทางความเชื่อตามที่ทรงสัญญาไว้ ให้เราทูลขอเพื่อจะได้รับ จงขอเถิดแล้วจะได้รับอย่างแน่นอน เพราะพระเจ้าทรงสัญญาว่า ความเชื่อเกิดขึ้นโดยการได้ยินพระวจนะของพระเจ้า เพราะฉะนั้นให้เราทูลขอด้วยความเชื่อ โดยไม่สงสัยเลย “เพราะทุกคนที่ขอก็ได้ และทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา” (มัทธิว 7:8) {LBF 84.4}
นี่คือความเชื่อที่มีชีวิต และมาจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือความเชื่อที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ริเริ่ม ความเชื่อที่มาโดยทางพระวจนะของพระเจ้า คือความเชื่อที่นำชีวิตและฤทธานุภาพจากพระเจ้ามาสู่เรา และทำงานของพระเจ้าในชีวิตของเราในขณะที่ดำเนินตามความเชื่อนั้น เป็นความเชื่อที่รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งนำพระเยซูคริสต์เข้ามาสถิตในใจของเรา และปรากฏพระองค์ผ่านเนื้อหนังอันต้องเปื่อยเน่าของเรา สิ่งนี้สิ่งเดียวคือความเชื่อที่มีชีวิต และเราจะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อนี้ นี่คือชีวิตที่แท้จริง และครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าปราศจากความเชื่อเช่นนี้แล้ว ทุกอย่างที่เรามีก็เท่ากับศูนย์ หรือเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะทุกอย่างที่ไม่ได้เป็นไปด้วยความเชื่อ ก็เป็นความบาป {LBF 85.1}
ด้วยความเชื่อที่แท้จริง จะไม่มีคำถามหรือข้อสงสัยในเรื่องการประพฤติปฏิบัติ เพราะความเชื่อเช่นนี้เป็นความเชื่อที่ปฏิบัติ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความเชื่อโดยไม่มีการประพฤติปฏิบัติ “เพราะว่าในพระเยซูคริสต์นั้นการเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นการกระทำด้วยความรักนั้นสำคัญ” (กาลาเทีย 5:6) เนื่องจากความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่มีชีวิต ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ความเชื่อจะไม่มีการประพฤติปฏิบัติ และเมื่อความเชื่อมาจากพระเจ้าแล้ว การงานทุกอย่างที่เกิดจากความเชื่อนั้นล้วนแต่เป็นงานของพระเจ้า {LBF 85.2}
ฉะนั้นทุกอย่างที่อ้างว่าเป็นความเชื่อ แต่ไม่ได้นำมาซึ่งความรอดและไม่ได้ทำงานของพระเจ้า แสดงว่านั่นไม่ใช่ความเชื่อที่แท้จริง แต่เป็นการหลอกลวงซึ่งจะไม่ได้นำพระคุณเข้ามาในใจ ไม่มีฤทธานุภาพในชีวิต เป็นความเชื่อที่ตายแล้ว และผู้ที่มีความเชื่อจอมปลอมเช่นนี้ก็ตายในการละเมิดและการบาป การปฏิบัติทุกอย่างเป็นแต่เพียงพิธีอันปราศจากอำนาจ จึงปราศจากชีวิต {LBF 85.3}
ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อที่มาจากพระเจ้ามาโดยทางพระวจนะของพระองค์ และนำพระคริสต์ (ผู้เป็นพระวาทะแห่งชีวิต) เข้ามาในชีวิต ดำรงอยู่ในใจ และฉายออกในชีวิตของเรา นี่คือความเชื่อที่แท้จริง ซึ่งดำรงอยู่ในเราโดยทางพระเยซูคริสต์เพียงทางเดียว และทำงานในชีวิตของเราขณะที่ดำเนินตามความเชื่อนั้น {LBF 85.4}
ความเชื่อที่มีชีวิตคือการที่พระคริสต์ทรงดำรงชีวิตอยู่ในเรา ผู้ทรงเป็นความหวังในพระสิริที่จะได้รับนั้น คือพระเจ้าสถิตกับเรา ผู้ทรงปรากฏพระองค์ในเนื้อหนังของเราในวันนี้โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้เท่านั้นคือความเชื่อที่มีชีวิต เพราะ “ทุกวิญญาณที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์1ก็มาจากพระเจ้า แต่ทุกวิญญาณที่ไม่ยอมรับพระเยซูก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่เป็นวิญญาณแห่งปฏิปักษ์ของพระคริสต์ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินว่าจะมาและบัดนี้ก็อยู่ในโลกแล้ว ลูกที่รัก ท่านมาจากพระเจ้าและได้ชนะคนพวกนั้น เพราะพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้นั้นซึ่งอยู่ในโลก” (1 ยอห์น 4:2–4 TNCV) {LBF 85.5}
ด้วยเหตุนี้ “จงพิจารณาตัวเองดูว่าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในความเชื่อหรือไม่” (2 โครินธ์ 13:5) พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “จงมีความเชื่อของพระเจ้า” (มาระโก 11:22 เชิงอรรถของฉบับ KJV) {LBF 86.1}
Footnotes
-
พระคัมภีร์ฉบับ KJV กล่าวว่า “มาในเนื้อหนัง” ↩